
ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th
ท้องลม เป็นศัพท์ทางการแพทย์ ที่หมายถึงการแท้งลูกรูปแบบหนึ่งในช่วงระยะแรกเริ่มของการตั้งครรภ์ โดยมีการตั้งครรภ์ในโพรงมดลูก แต่ไม่มีทารกในถุงการตั้งครรภ์ (pregnancy sac) ซึ่งการตั้งครรภ์โดยปกติ จะมีการปฏิสนธิระหว่างไข่ของฝ่ายหญิงกับเชื้ออสุจิของฝ่ายชายที่ท่อนำไข่ และเคลื่อนเข้าไปฝังตัวในโพรงมดลูกพร้อม ๆ กับไข่ที่ถูกผสมแล้ว จากนั้นจะมีการแบ่งเซลล์เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นตัวอ่อนและพัฒนาเป็นทารก แต่เมื่อมีความผิดปกติจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เซลล์ที่เกิดจากการปฏิสนธิไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นทารกในครรภ์ต่อไปได้ หรือทารกเสียชีวิตตอนที่อายุครรภ์ยังน้อย ก็จะเกิดท้องลมขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้วท้องลมจะเกิดในช่วงที่มีการตั้งครรภ์ใหม่ๆ ประมาณ 8-13 สัปดาห์ หรืออาจเกิดก่อนที่จะรู้ตัวว่ามีการตั้งครรภ์
อาการของผู้ที่เป็นท้องลม คือ ในระยะแรกอาจมีอาการแพ้ท้อง คลื่นไส้ เต้านมคัดตึง มีอาการเป็นเหมือนกับผู้ที่ตั้งครรภ์ทั่วไป หลังจากนั้นอาการเหล่านี้จะหายไป แล้วจะสังเกตหรือรู้สึกว่าท้องไม่โตขึ้น เมื่อผ่านไปได้ระยะหนึ่ง พบว่ามีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือมีประจำเดือนมามากกว่าปกติ อาจมีอาการปวดท้องน้อย ก่อนจะมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
การตรวจหาว่าเป็นท้องลมหรือไม่นั้น แพทย์จะตรวจเลือด เพื่อหาฮอร์โมนยืนยันการตั้งครรภ์ แต่สิ่งสำคัญที่คือการตรวจอัลตราซาวด์ สำหรับผู้ที่มีการตั้งครรภ์เป็นปกติ หากมีอายุครรภ์ประมาณ 5-6 สัปดาห์ จะต้องเริ่มเห็นถุงการตั้งครรภ์ ต่อมาจะเห็นตัวเด็กและเห็นหัวใจเต้น แต่หากตรวจดูแล้วไม่เห็น หรือเห็นว่าถุงการตั้งครรภ์ว่าง ก็อาจจะสันนิษฐานได้ว่าเป็นท้องลม
หากเป็นท้องลมแล้วจะสามารถมีลูกได้อีกหรือไม่ การเกิดท้องลมจะมีภาวะคล้าย ๆ กันกับการทำแท้ง โดยทั่วไปจะถือว่า คนที่ทำแท้งหรือเกิดท้องลมมาแล้ว 1 ครั้ง สามารถมีโอกาสมีลูกได้เหมือนคนปกติโดยไม่ต้องกังวล แต่สามารถเกิดเป็นท้องลมอีกได้ และหากว่าเกิดท้องลมซ้ำ ๆ 2-3 ครั้งขึ้นไป ควรปรีกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ การได้รับกำลังใจจากคนรอบข้างเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผ่านสภาวะนี้ไปได้ โดยส่วนมากจะนิยมให้แพทย์ขูดเนื้อเยื่อที่ค้างอยู่ในมดลูกออก หรืออาจใช้ยาขับออกมาแทนก็ได้ แต่หากปล่อยไว้ เมื่อฮอร์โมนตั้งครรภ์ลดลง ร่างกายจะขับถุงการตั้งครรภ์ในมดลูกออกมาเองตามธรรมชาติ แต่อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์
ขอบคุณภาพ จาก herkid