svasdssvasds

เปิดสาเหตุ ยกเลิกดีล "บิทคับ" พร้อมทะยานสู่กำไรที่ยั่งยืนของ SCBX

เปิดสาเหตุ ยกเลิกดีล "บิทคับ" พร้อมทะยานสู่กำไรที่ยั่งยืนของ SCBX

SCBX แถลงธุรกิจรายได้ พร้อมกำเงินสด 8 แสนล้านหาโอกาสซื้อธุรกิจที่สร้างผลกำไร หรือควบรวมกิจการธุรกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมให้เหตุผลไม่เดินหน้ากับ "บิทคับ" ต่อ หลังตลาดผันผวนและความเสี่ยงสูง

นายมาณพ เสงี่ยมบุตร Chief financial officer บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทมีเงินสดในมือ ราว 800,000 ล้านบาท รวมทั้งมีเงินกองทุนที่เพียงพอ โดยเงินกองทุนรวมกว่า 19% และอัตราส่วนความเสี่ยงของเงินกองทุนขั้นที่ 1 ในส่วนผู้ถือหุ้นสูงกว่า 18% ถือว่าสูงสุดเมื่อเทียบธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ด้วยกัน สะท้อนโอกาสบริษัทจะสร้างการเติบโตก้าวกระโดดมากกว่าปัจจุบัน

ทั้งนี้ ยังเผยถึงการลงทุนในอนาคตว่า ในอีก 1-2 ปี จะมุ่งเน้นการพัฒนาธุรกิจใหม่และมีศักยภาพในการเติบโต เพื่อเพิ่มผลตอบแทนที่ดีต่อนักลงทุน

ด้วยรูปแบบการเฟ้นหาโอกาสในการซื้อหรือควบรวมกิจการ (M&A) ซึ่งต้องเป็นกิจการที่ซื้อแล้วมีกำไรเข้ามาทันที ไม่ใช่ธุรกิจที่ขาดทุน

และไม่ซื้อกิจการธนาคารพาณิชย์ แต่จะมุ่งเน้นการลงทุนในธุรกิจที่จับต้องได้ เช่น ธุรกิจสินเชื่อ หรือแพลตฟอร์มเป็นหลัก รวมทั้งมองหาโอกาสขยายตลาดอาเซียน เช่น อินโดนีเซีย เวียดนาม เพื่อต่อ ยอดการเติบโตและสร้างฐานลูกค้าเพิ่มเท่าตัว 

เปิดสาเหตุ ยกเลิกดีล \"บิทคับ\" พร้อมทะยานสู่กำไรที่ยั่งยืนของ SCBX

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังได้ชี้แจงเกี่ยวกับการที่บริษัทได้ยกเลิกซื้อ "บิทคับ" แบบถาวร เพราะภาวะตลาดเปลี่ยนไป ด้วยเหตุที่ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลผันผวน บริษัทไม่ได้มีการลงทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์ หรือธุรกิจเกี่ยวกับคริปโทเคอร์เรนซีโดยตรง

แต่จะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานรองรับการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล สร้างขีดความสามารถจากเทคโนโลยีที่อยู่รอบๆ เกี่ยวกับดีเซนทัลไลท์ไฟแนนซ์ แต่ไม่ได้เน้นเติบโตจากตลาดนี้ เพราะยังคงมีความผันผวนค่อนข้างมาก

เปิดสาเหตุ ยกเลิกดีล \"บิทคับ\" พร้อมทะยานสู่กำไรที่ยั่งยืนของ SCBX

ทางด้านของ แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 มั่นใจว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากแนวคิดโครงสร้างธุรกิจที่มีความชัดเจน และรายได้ดอกเบี้ย จากการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมยังมีความท้าทายอยู่

ขณะเดียวกัน ยังบริหารจัดการควบคุมต้นทุนเข้มข้น ทำให้สามารถรักษาระดับการทำกำไรไว้ได้ ซึ่งในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้ และกำไรโตอย่างน้อย 10% 

นายมาณพ กล่าวว่า บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตจากธุรกิจใหม่ ว่าจะสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้น ภายใต้ธุรกิจ Gen2 (บริการทางการเงินเพื่อผู้บริโภคและดิจิทัล) คาดว่าจะมีสัดส่วนกำไรคิดเป็น 10-15% ของกำไรทั้งกลุ่ม  

ส่วนธุรกิจ Gen3 (แพลตฟอร์มและสินทรัพย์ดิจิทัล) คาดผลขาดทุนจะค่อยๆ ลดลง จนเข้าสู่จุดคุ้มทุนภายในปี 2569 โดยแฟลตฟอร์มโรบินฮูด จะเริ่มทำกำไรได้ในอีก 3 - 4 ปี   

ทางด้านของ ธุรกิจ Gen1 คือ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ (ธนาคารไทยพาณิชย์) ยังคงมีความสำคัญที่สุด ยังคงให้ผลประกอบการและกำไรสูงสุด โดยในปีก่อนให้กำไรสุทธิสัดส่วน 100% ของกลุ่มทั้งหมด และในระยะกลาง ยังเติบโตกำไรมั่นคงสม่ำเสมอ ไม่เน้นเติบโตสินเชื่อเพียงอย่างเดียว แต่สามารถเติบโตควบคู่กับความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ดีขึ้น

related