svasdssvasds

สรุปให้ วิจัยไวรัสจากค้างคาว "หมอธีระวัฒน์" โดน รพ.จุฬาเรียกสอบ

สรุปให้ วิจัยไวรัสจากค้างคาว "หมอธีระวัฒน์" โดน รพ.จุฬาเรียกสอบ

สรุปให้ “หมอธีระวัฒน์” ถูกรพ.จุฬาฯ เรียกสอบ กรณีสั่งทำลายตัวอย่างเชื้อโรคที่เก็บได้จากค้างคาว หลังพบความเชื่อมโยงการได้รับทุนวิจัยและการระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เชื่อว่าหลุดมาจากห้องแล็บ ชี้ไริหารงานไม่รัดกุมก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหาย!

จากกรณีที่ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ถูกโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เรียกมาให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เพื่อดำเนินการสอบสวนข้อเท็จริง กรณีไม่ปฏิบัติงานด้วยความรัดกุม ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านการบริหารงานและเกิดความเสียหายทั้งในระบบระดับประเทศกับเครือข่ายเฝ้าระวังโรคอุบัติใหม่ ในวันที่ 1 พ.ย. 2566 นี้

มีรายงานว่า การสอบสวนดังกล่าว คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่หมอธีระวัฒน์ ไม่เห็นด้วยกับเรื่องการเก็บไวรัสจากค้างคาวในการทำนายโรคอุบัติใหม่ที่ได้รับทุนจากหน่วยงานระหว่างประเทศ และได้มีการทำลายตัวอย่างที่เก็บไว้ทั้งหมดไป เนื่องจากหวั่นเกรงว่าอาจมีการตัดต่อพันธุกรรม และอาจส่งผลทำให้เกิดโรคอุบัติใหม่ ทั้งยังอาจเป็นอันตรายกับมนุษย์ที่เข้าไปเก็บตัวอย่าง รวมถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ในห้องแล็บด้วย

หากย้อนกลับไป วันที่ 25 ก.ย. 2566 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี โพสต์ข้อความทางเพจเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics ประเด็น ประเทศจีนออกมาเตือนทั่วโลกให้เตรียมพร้อมรับมือกับไวรัสโคโรนา 20 สายพันธุ์ใหม่จากค้างคาวที่อาจแพร่ระบาดมาสู่คน 

ดร. ฉี เจิ่งลี่ ผู้อํานวยการศูนย์โรคติดเชื้ออุบัติใหม่ สถาบันไวรัสวิทยาเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีนออกมาเตือนว่าพบไวรัสโคโรนาจากค้างคาวกว่า 20 สายพันธุ์ใหม่ "มีความเสี่ยงสูง" ที่อาจก้าวข้ามมาระบาดในคน โดยตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารทางการแพทย์ Emerging Microbes & Infections เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 (อ่านบทความทั้งหมดที่นี่)

หลังจากนั้น นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ได้แชร์บทความผ่านเพจเฟซบุ๊ก ที่เคยลงไว้ใน นสพ.มติชนทอล์กออฟเดอะทาวน์ วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2023 

จะยอมให้ประเทศไทยเป็นอู่ฮั่นสองหรือไม่? 

มหันตภัยเกิดจากการนำไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าออกมาและมีการตัดต่อพันธุกรรม

หน่วยงานในประเทศไทยทั้งหมด ที่ยังคงหาไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่า ต้องยุติกิจกรรมดังกล่าวโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าเงินทุนจากต่างประเทศจะมากมายเพียงใดก็ตามหรือจะให้ประเทศไทยเป็นอู่ฮั่นสอง

และจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ยังมีการตั้งบุคคลที่มีการเปิดเผยว่ามีส่วนในการร่วมมือตัดต่อพันธุกรรมและกำเนิดโควิด ฝังตัวทำงานอยู่ในหน่วยงานองค์กรที่สำคัญของประเทศไทย

มหันตภัยเกิดจากการนำไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าออกมาและมีการตัดต่อพันธุกรรม

ช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปัจจุบันมีการสอบสวนและพบว่าหน่วยงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ มีการให้ทุนมหาศาล ผ่านทางองค์กรเอกชน EcoHealth alliance และมหาวิทยาลัยในสหรัฐ จนกระทั่งถึงสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น และหน่วยงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทย และพบเงื่อนงำเบาะแสความเป็นไปได้ที่การตัดต่อพันธุกรรมจากไวรัสค้างคาวเป็นต้นเหตุของโควิด โดยในระยะแรกมีการปกปิดข้อมูลมาตลอดและขณะนี้มีการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในสภาคองเกรสของสหรัฐ

ทั้งนี้มีรายงานฉบับเต็มที่ออกมาจากสภาคองเกรสเรื่องเบาะแสของการตัดต่อพันธุกรรมและการรั่วออกมาของไวรัสจากห้องปฏิบัติการจนเกิดโรคระบาดโควิด รายงานฉบับเต็ม 302 หน้า เดือนมกราคม 2023

 

และมีการประมวลข้อมูลและหลักฐานจากอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นจากการหาเชื้อไวรัสที่ไม่ทราบชื่อจากค้างคาวและสัตว์ป่า รวมทั้งเบื้องหลังที่มาที่ไปของการให้ทุนและการรับทุน (scrutiny behind the scene) ของ USAID NIAID และมีข้อมูลบ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อการแพร่ของเชื้อโรคอย่างไม่ตั้งใจทั้งในการปฎิบัติงานในบริเวณสำรวจและในสถานที่แล็บ
ตีพิมพ์ในวารสาร British medical journal 7 กันยายน 2023

บทความในวารสารนี้ยังอ้างอิงถึงข้อมูลที่ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ของเรา ที่ยุติการศึกษาวิจัยและความร่วมมือกับองค์กรต่างประเทศ

ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคใหม่ซึ่งเป็นศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านค้นคว้าอบรมไวรัสสัตว์สู่คน ได้ทำการค้นหาไวรัสในค้างคาว ตั้งแต่ปี 2000 จาก องค์กรให้ทุนประเทศไทย คือ สกว. และ สวทช. และตั้งแต่ปี 2011 ได้รับทุนจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐและหน่วยงานของเพนตากอน

ศูนย์ได้ประกาศยุติการทำงานดังกล่าวดังกล่าวเริ่มตั้งแต่ปี 2018 และเด็ดขาดในปี 2020 โดยแจ้งให้หน่วยงานสหรัฐรวมกระทั่งถึงองค์กรระหว่างประเทศทั้งหมดตั้งแต่ปี 2020 เป็นต้นมา ทั้งนี้เนื่องจากประเมินอันตรายที่ร้ายแรงอันอาจจะเกิดขึ้น ตั้งแต่การลงพื้นที่จนกระทั่งถึงในห้องปฏิบัติการและนำมาสู่การติดเชื้อในมนุษย์และแพร่ไปยังชุมชนจนเป็นโรคระบาดทั่วประเทศ ประกอบกับเงื่อนงำของการเกิดโควิด

มหันตภัยเกิดจากการนำไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าออกมาและมีการตัดต่อพันธุกรรม

อีกประการที่สำคัญก็คือในปี 2019 เรื่อยมาจนถึง ตุลาคม 2020 มีการประชุมจัดโดยองค์กร EcoHealth alliance และให้ศูนย์เป็นหน่วยงานของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ EID SE Asia research collaboration hub (EID Search) ภายใต้ สถาบันสหรัฐ NIAID และ EcoHealth alliance ชื่อว่า CREID (Centre for Research in EID) ในการรวบรวมไวรัสจากค้างคาวและสัตว์ป่าโดยเฉพาะไวรัสในตระกูลโควิด ไวรัสในตระกูลอีโบล่าและไวรัสในตระกูลไข้หวัดใหญ่และอื่น ๆ จาก ไทย ลาว มาเลเซีย ซาราวัก เป็นต้น โดยให้มีการส่งตัวอย่างไปยังต่างประเทศและระบุว่าจะมีการตัดต่อพันธุกรรมเพื่อให้เข้ามนุษย์และก่อโรคได้จากหลอดทดลองและสัตว์ทดลองที่ปรับแต่งพันธุกรรมเหมือนมนุษย์ และมีรายละเอียดความสำเร็จของการสร้างไวรัสตัวใหม่ที่สามารถเข้ามามนุษย์ได้ดีขึ้นและก่อโรคได้แล้ว และเป็นที่มาที่ศูนย์ยุติความร่วมมืออย่างสิ้นเชิง

เหตุการณ์และหลักฐาน ยังปรากฏ ในบทความหนังสือพิมพ์ วอชิงตันโพสต์ โดยนักข่าวสืบสวน David Willman (investigative journalist รางวัลพูลิตเซอร์) ในวันที่ 10 เมษายน 2023 เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายหน่วยงาน หลายประเทศ รวมทั้งจากศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ ที่ยุติการรวบรวมตัวอย่างจากสัตว์ป่าและค้างคาว ถือว่าการหาเชื้อในคนถือเป็นเรื่องสำคัญที่สุดมากกว่าการหาไวรัสที่ไม่รู้จัก ที่จะมาคาดคะเนว่าจะเข้ามามนุษย์และจะเกิดโรคระบาดหรือไม่ รวมทั้งมีความเสี่ยงอันตรายสูงสุดในการนำเชื้อจากสัตว์เข้ามามนุษย์ ในขั้นตอนต่าง ๆ ตั้งแต่การลงพื้นที่เก็บตัวอย่าง การขนส่งตัวอย่าง และการปฎิบัติในห้องแล็บ รวมทั้งโอกาสที่จะได้รับไวรัสทั้ง ๆ ที่อุปกรณ์ป้องกันตัวอาจไม่ครบถ้วนและในประวัติที่ผ่านมา มีเจ้าหน้าที่ทั้งห้องปฏิบัติการของศูนย์และของหน่วยงานสัตว์ป่าถูกค้างคาวกัด

จากการประกาศจุดยืนชัดเจน และยุติกิจกรรม ในวันที่ 22 กรกฎาคม 2023 หน่วยงานอิสระของรัฐบาลสหรัฐ U.S. government accountability office (GAO) ที่ไม่ขึ้นกับพรรคการเมืองใด ๆ และทำหน้าที่ ในการตรวจสอบ การทำงานของหน่วยงานของสหรัฐในเรื่องการใช้งบประมาณรวมทั้งงบฯที่ให้ต่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาหาไวรัสจากสัตว์ป่าและค้างคาวได้ติดต่อ ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ และศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ซึ่งเป็น program leader ที่ได้ทุนจากสหรัฐ และเพนตากอน ในประเด็นว่าได้ประโยชน์หรือไม่ในการคาดคะเนว่าจะเกิดโรคอุบัติใหม่ ได้ประโยชน์หรือไม่ในการพัฒนาการเตรียมพร้อมและรับมือสำหรับโรคอุบัติใหม่

รวมถึงมีการถ่ายทอดความรู้และเทคโนโลยีหรือไม่ มีความเสี่ยงหรือไม่ในการค้นหาไวรัสจากสัตว์ป่าดังกล่าวในการที่จะได้รับเชื้อเข้ามาในมนุษย์ เข้ามาในห้องปฏิบัติการและกระจายออกสู่ชุมชนหรือไม่ และมีความพร้อมเพียงใดในการป้องกันทางชีวภาพในระดับบุคคลและห้องปฏิบัติการและการบริหารเมื่อเกิดมีบุคลากรเกิดความผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่

ทางศูนย์สามารถสรุปได้ว่าการค้นหาไวรัสใหม่นั้นไม่เกิดประโยชน์ในการคาดคะเนการเกิดโรคอุบัติใหม่และไม่ได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความรู้รวมทั้งเปิดเผยความเสี่ยงสูงสุดในขั้นตอนต่าง ๆ ในการปฏิบัติ และมาตรการในการรับมือกับการหลุดเล็ดลอดของเชื้อจะเป็นด้วยความยากมากในสถานภาพปัจจุบัน

นอกจากนั้นข้อที่ต้องปฏิบัติ ตามพระราชบัญญัติเชื้อโรคและพิษจากสัตว์ ปี 2558 กรณีที่เกิดความเสียหายเกิดขึ้น นั่นก็คือ การรั่วไหลจากห้องปฏิบัติการหรือจากห้องเก็บตัวอย่างและเกิดความเสียหายมีการติดเชื้อ ผู้รับผิดชอบซึ่งก็คือผู้รับผิดชอบโครงการหรือหัวหน้าศูนย์จะต้องได้รับโทษตามหมวดเก้าและหมวด 10 ของพระราชบัญญัติตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยมีตั้งแต่ การจำคุกสองปีถึง 10 ปี และปรับจากหลักแสนเป็นหลักหลายล้าน หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามลักษณะของความเสียหายที่เกิดขึ้น

ล่าสุดวานนี้ (30 ต.ค. 2566) หมอธีระวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความระบุว่า 

หมอถูกสั่งสอบสวน วันที่ 1 พย 2566 ที่ตึกรัตนวิทยพัฒน์ รพ.จุฬาฯ เวลา 11.00

เพราะเรายุติการเอาไวรัสจากค้างคาวมาศึกษา เนื่องจากจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรง และต่อต้านการเอาไวรัสเหล่านี้ไปตัดต่อพันธุกรรม

รวมกระทั่งถึงเราทำลายตัวอย่างไวรัสเหล่านี้จนหมดสิ้น

เห็น จดหมาย นึกว่าจะเป็นบันทึกยกย่องการทำงานรับผิดชอบอย่างสูง ของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่และในฐานะที่เป็นศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านค้นคว้าและอบรมไวรัสสัตว์สู่คน ที่หมอเป็นคนรับผิดชอบ และรวมความปลอดภัย

กลับเป็นถูกสอบว่าบริหารไม่รัดกุมก่อให้เกิดผลกระทบและความเสียหาย!!!

จากใจ หมอ และครอบครัวและน้องๆ หมอและนักวิทย์ในศูนย์

ที่มา : ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha , Center for Medical Genomics

ข่าวที่เกี่ยวข้อง 

related