svasdssvasds

รู้จัก P218 ยาต้านมาลาเรียฝีมือคนไทย มุ่งสู่เป้าหมายกำจัดโรคให้หมดประเทศ

รู้จัก P218 ยาต้านมาลาเรียฝีมือคนไทย มุ่งสู่เป้าหมายกำจัดโรคให้หมดประเทศ

" P218" ยาต้านมาลาเรียฝีมือคนไทย ที่ได้ผลต่อเชื้อที่ดื้อยาที่เรียกว่า “แอนตี้โฟเลต” ที่มาจากทีมวิจัยไทยอย่างครบวงจร อยู่ระหว่างทดสอบความเป็นพิษในสัตว์ทดลอง คาด 2 ปีขึ้นทะเบียนยาสำเร็จ

“P218” คืออะไร

P218 สารต้านมาลาเรียชนิดใหม่ฝีมือคนไทย โดยในปี พ.ศ. 2557 ทีมนักวิจัยไบโอเทค สวทช. และผู้เชี่ยวชาญด้านมาลาเรียในประเทศไทย ประสบความสำเร็จในการพัฒนาสารต้านมาลาเรียชนิดใหม่ของโลกที่มีชื่อเรียกว่า “สาร P218” นับเป็นสารต้านมาลาเรียตัวแรกที่นักวิจัยไทยออกแบบและสังเคราะห์ขึ้นเอง  โดยเป้าหมายหลักในการพัฒนาคือ การผลิตยาในรูปแบบยากินราคาถูก เพื่อเข้าถึงผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นคนยากจน

ล่าสุด สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และหน่วยงานพันธมิตรอื่น ๆ ได้ร่วมกันพัฒนายามาลาเรีย ที่ได้ผลต่อเชื้อที่ดื้อยาที่เรียกว่า “แอนตี้โฟเลต” โดยเป็นผลงานที่เริ่มจากการวิจัยขั้นพื้นฐานจนได้เป็นยาที่เรียกว่า “P218” ในขั้นต่อไปจะได้พัฒนาจนสามารถจดทะเบียนตำรับยา เพื่อผลิตใช้ในการป้องกันและรักษาได้ ซึ่งจะเป็นยาต้านมาลาเรียตัวแรกที่มาจากการค้นคิดและพัฒนาของคนไทยแบบครบวงจร โดยข้อตกลงความร่วมมือแรก สวทช. จะได้ทำร่วมกับ ม.มหิดล ซึ่งมีความสามารถและผลงานด้านการพัฒนายาสู่การจดทะเบียนและสู่ตลาดมานานแล้ว ความร่วมมือครั้งนี้จะช่วยให้ประเทศไทยมีความมั่นคงทางยา ช่วยให้ประเทศกำลังพัฒนาได้มีโอกาสเข้าถึงยาต้านมาลาเรียที่มีคุณภาพในราคาต่ำ และช่วยให้ประเทศไทยเข้าใกล้เป้าหมายกำจัดโรคไข้มาลาเรียให้หมดไปจากประเทศได้

รู้จัก P218 ยาต้านมาลาเรียฝีมือคนไทย มุ่งสู่เป้าหมายกำจัดโรคให้หมดประเทศ

 

ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสด้านมาลาเรียในประเทศไทย สวทช. กล่าวว่า มาลาเรียยังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก คร่าชีวิตคนปีละกว่า 600,000 คน ประเทศไทยเองก็ประสบปัญหานี้ ซึ่งการสู้รบในประเทศเพื่อนบ้านทำให้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วง การรักษายุ่งยากเนื่องจากเชื้อมักจะดื้อยา จึงเป็นเรื่องที่ต้องหาทางแก้ไข ด้วยการออกแบบยาที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งนักวิจัยของศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สวทช. ได้ร่วมกับหน่วยงานภาคีต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศเดินหน้าศึกษาวิจัยเรื่องยารักษามาลาเรียมากว่า 30 ปี

รู้จัก P218 ยาต้านมาลาเรียฝีมือคนไทย มุ่งสู่เป้าหมายกำจัดโรคให้หมดประเทศ

ความร่วมมือผลักดันยามาลาเรีย P218 สู่การเป็นยาใหม่ตัวแรกจากประเทศที่กำลังพัฒนา ระหว่าง ไบโอเทค สวทช. กับมหิดล จะร่วมกันดำเนินงานวิจัยและพัฒนาเพื่อทำการทดสอบความเป็นพิษของยา P218 ในสัตว์ทดลองเพื่อทำการทดสอบประสิทธิภาพของยา P218 ในระดับคลินิก เพื่อการทำนายขนาดของยา P218 ที่เหมาะสมในการรักษาโรคมาลาเรียอย่างมีประสิทธิภาพ

เพื่อสนับสนุนการผลิตยาต้านมาลาเรียที่ออกมาใช้ได้จริง ในรูปแบบยากินราคาถูก เข้าถึงผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่เป็นคนยากจน นับเป็นก้าวสำคัญในการเดินหน้าวิจัยอย่างแข็งแกร่งไปพร้อมกับหน่วยงานพันธมิตร เพื่อผลักดันให้มีผลิตภัณฑ์ยาต้านมาลาเรียสำหรับประเทศที่กำลังพัฒนา ถือเป็นครั้งแรกของโลก

ศาสตราจารย์ นายแพทย์บรรจง มไหสวริยะ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มหาวิทยาลัยมหิดล เล็งเห็นศักยภาพยา P218 จึงนำเอาศักยภาพของแพลตฟอร์มการพัฒนายา “Mahidol University Drug Discovery & Development” หรือ MU-DDD มาใช้ในการผลักดันยา P218 สู่การเป็นผลิตภัณฑ์ยาของประเทศไทย และการพัฒนาสูตรตำรับยาให้อยู่ในรูปแบบที่เหมาะกับการใช้ในกลุ่มประชากรที่หลากหลาย เช่น เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ตลอดจนความเข้มแข็งด้านการทำวิจัยในมทั้งสามคณะในมหิดล ทำให้เป็นแพลตฟอร์มพัฒนายาที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทย

“ปัจจุบัน ม.มหิดล ได้ร่วมประชุมและลงมือทำวิจัยกับทีมนักวิจัยไบโอเทค สวทช. ในการพัฒนายา P218 มาเป็นระยะ ๆ และได้ทิศทางที่ชัดเจนในการผลักดันยา P218 ให้เข้าสู่ขั้นตอนต่าง ๆ ที่จำเป็นตามเกณฑ์การขึ้นทะเบียนยาของไทยและระดับนานาชาติ รวมถึงได้เริ่มประสานงานกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กระทรวงสาธารณสุข ในเบื้องต้นเพื่อให้ อย. รับทราบเกี่ยวกับความพยายามดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่าอาจสามารถดำเนินการเตรียมความพร้อมของข้อมูลต่าง ๆ รวมถึงวิจัยเพิ่มเติมอีกไม่เกิน 2 ปี จะสามารถเข้าสู่กระบวนการขอขึ้นทะเบียนยา P218 ได้เป็นผลสำเร็จ” 

 ไข้มาลาเรียคืออะไร?

ไข้มาลาเรียโรคติดต่อที่มากับยุงก้นปล่อง โรคไข้มาลาเรียเป็นโรคติดต่อที่มียุงก้นปล่องเป็นพาหะ ซึ่งยุงก้นปล่อง เป็นแมลงชนิดหนึ่ง มีปากคล้ายงวงยื่นยาวออกไปข้างหน้า มักยกส่วนท้องขึ้นสูงเป็นปล่องอย่างเห็นได้ชัดในขณะดูดเลือด ยุงก้นปล่องอาศัยได้หลายที่ เช่น บ้านเรือน ป่า ภูเขา จึงพบมากในชนบทที่อยู่แถวชายป่า โดยยุงชนิดนี้ชอบกัดคนในเวลาพลบค่ำ ตอนดึก และเช้าตรู่ 

รู้จัก P218 ยาต้านมาลาเรียฝีมือคนไทย มุ่งสู่เป้าหมายกำจัดโรคให้หมดประเทศ

สาเหตุหลักของการเป็นไข้มาลาเรีย

คือถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อกัด ส่วนสาเหตุอื่นๆ ที่อาจพบได้ เช่น จากแม่ที่ป่วยเป็นไข้มาลาเรียสู่ลูกในครรภ์ การถ่ายโลหิต เป็นต้น  เมื่อยุงก้นปล่องตัวเมียกัดผู้ป่วยที่มีเชื้อไข้มาลาเรีย เชื้อจะอยู่ในตัวยุงประมาณ 10 – 12 วัน เมื่อยุงนั้นไปกัดคนอื่นต่อก็จะปล่อยเชื้อมาลาเรียจากต่อมน้ำลายเข้าสู่คน จึงทำให้คนที่ถูกยุงกัดเป็นไข้มาลาเรียต่อไป

อาการไข้มาลาเรีย

จะเกิดขึ้นหลังจากถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อกัดประมาณ 10 -14 วัน โดยจะจับไข้ไม่เป็นเวลา ไข้ต่ำๆ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัวและกล้ามเนื้อ อาจมีอาการคลื่นไส้และเบื่ออาหารได้ หลังจากนั้นจะจับไข้เป็นเวลา มีอาการหนาวๆ ร้อนๆ เหงื่อออก ผู้ป่วยจะอ่อนเพลียและเหนื่อย

PHOTO : Centers for Disease Control and Prevention's Public Health

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related