svasdssvasds

ศูนย์จีโนมฯ เผย "แท่งย้วยสีขาว" ลิ่มเลือดในศพ องค์กรตรวจสอบชี้เป็น fake news

ศูนย์จีโนมฯ เผย "แท่งย้วยสีขาว" ลิ่มเลือดในศพ องค์กรตรวจสอบชี้เป็น fake news

ศูนย์จีโนมฯ เผยกรณีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดของศพ "แท่งย้วยสีขาว" ผู้เชี่ยวชาญยันดูเหมือนที่พบบ่อยหลังการชันสูตรพลิกศพ ด้านองค์กร FactCheck.org ได้ตรวจสอบคลิปดังกล่าวแล้วพบว่า เป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง (fake news)

จากรณีข่าวประเด็นร้อนที่ประชาชนให้ความสนใจ หลัง นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ ถึงข้อมูลทางการแพทย์ ระบุว่า แท่งย้วยสีขาว (white clot) คล้ายหนวดปลาหมึก ในผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด mRNA ในผู้ที่เสียชีวิตและยังไม่เสียชีวิต ซึ่งก่อนหน้านี้ จากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางพยาธิวิทยาในเยอรมัน ที่มีชื่อเสียง ที่ทำการผ่าศพชันสูตร พบลักษณะลักษณะเดียวกัน กับในที่เห็นในสหรัฐอเมริกา

ล่าสุดศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้โพสต์เฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เผยข้อมูล การพบลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดของศพมีสาเหตุมาจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือไม่นั้น

ตรวจพบ "แท่งย้วยสีขาว" คล้ายหนวดปลาหมึก ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในมนุษย์

โดยระบุว่าจาก วิดีโอยูทูปที่ชื่อ "เสียชีวิตกะทันหัน 2022 (died suddenly 2022) " เผยแพร่สะพัดบนโซเชียลมีเดียเมื่อปี 2565  โดยอ้างว่าพบลิ่มเลือดหลังชันสูตรศพเป็นหลักฐานของแผนการลดจำนวนประชากรโลกโดยใช้การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ไม่มีหลักฐานที่สนับสนุนทฤษฎีนี้

วิดีโอดังกล่าวนำเสนอว่ามีผู้ฉีดยารักษาศพ และผู้อำนวยการงานศพจำนวนหนึ่งเปิดเผยว่าพบลิ่มเลือดขนาดใหญ่ในศพถือเป็นความผิดปกติที่ไม่เคยพบมาก่อน และคาดว่าเกิดจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนได้หักล้างคำกล่าวอ้างเหล่านี้ โดยระบุว่าลิ่มเลือดดังกล่าวดูเหมือนจะเป็นลิ่มเลือดที่พบบ่อยหลังการชันสูตรพลิกศพ

สมาคมผู้อำนวยการงานศพแห่งชาติสหรัฐเน้นย้ำว่าผู้เชี่ยวชาญด้านงานศพและฉีดยารักษาศพไม่มีคุณสมบัติที่จะสรุปผลเกี่ยวกับวัคซีนป้องกันโควิดและลิ่มเลือด

วิดีโอดังกล่าวยังรวมถึงฟุตเทจที่นำมาจากวิดีโอการศึกษาทางการแพทย์ที่โพสต์บน YouTube ในเดือนเมษายน 2019 ซึ่งแสดงให้เห็นขั้นตอนที่เรียกว่าการผ่าตัดเอาหลอดเลือดอุดตันในปอด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

การผ่าตัดเอาหลอดเลือดอุดตันในปอด ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19

องค์กร FactCheck.org ได้ตรวจสอบคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้วพบว่า “เป็นข้อมูลไม่ถูกต้อง (fake news)"

Factcheck เป็นองค์ที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดและไม่แสวงหากำไรมีจุดมุ่งหมายเพื่อลดระดับหรือผลกระทบของการหลอกลวงและการสร้างความสับสนทางการเมืองในสหรัฐฯ Factcheck ตรวจสอบความถูกต้องตามความเป็นจริงของสิ่งที่กล่าวโดยบรรดานักการเมือง หรืออินฟลูเอนเซอร์ชื่อดังในสหรัฐ ในรูปแบบของโฆษณาทางทีวี การโต้วาที การกล่าวสุนทรพจน์ การสัมภาษณ์ และการเผยแพร่ข่าว เป้าหมายของ Factcheck คือเพิ่มความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนชาวอเมริกัน

ล่าสุดนาย Thomas Haviland ได้นำเสนอข้อมูลลักษณะดังกล่าวอีกครั้ง โดยไม่แสดงแหล่งอ้างอิง และส่งข้อมูลไปยังหน่วยงานด้านสาธารณสุขสหรัฐ กล่าวคือ US NIH, US CDC ให้พิจารณาถึงความปลอดภัยของวัคซีนป้องกันโควิด-19  รวมทั้งให้สัมภาษณ์ในรายการของ Dr. John Cambell (คลิกดูวิดิโอ)

สำหรับในไทยหากประสงค์จะตรวจสอบการเกิดลิ่มเลือดขนาดใหญ่ในหลอดเลือดจากศพในช่วงเวลาที่ผ่านมาสามารถทำโพล์สอบถามผู้ที่มีหน้าที่ฉีดยารักษาศพได้เช่นกัน โดยอาจพิจารณาสอบถามว่า

  • ก่อนปี 2019/2562 พบลิ่มเลือดในหลอดเลือดของศพหรือไม่ (ยังไม่เกิดการระบาดของโควิด-19)
  • ปี 2020/2563 พบลิ่มเลือดในหลอดเลือดของศพหรือไม่ (ไวรัสอู่ฮั่นและไวรัสอัลฟา ระบาด ยังไม่มีวัคซีนใช้)
  • ปี 2021-2022 /2564-2565 พบลิ่มเลือดในหลอดเลือดของศพหรือไม่ (มีการระดมวัคซีนโควิด-19 มีผู้เข้ารับการฉีดถึง 80%)
  • ปี 2023/2024 พบลิ่มเลือดในหลอดเลือดของศพหรือไม่ (มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ลดลง) หากพบมีมากหรือน้อยเมื่อเทียบกับปี 2021-2022

ด้านนาวาตรี นพ.อรรถสิทธิ์ ดุลอำนวย แผนกนิติเวชศาสตร์ รพ.ภูมิพลอดุลยเดช ออกมาระบุว่า ในต่างประเทศพบ ผู้ฉีดวัคซีน mRNA แล้วเสียชีวิตจะพบลักษณะประหลาดตามหลอดเลือด จะพบเป็นแท่งยาวๆ คล้ายหนวดปลาหมึก เรียกว่า ไวท์คอต ซึ่งแพทย์ที่ต่างประเทศกำลังศึกษา

นาวาตรี นพ.อรรถสิทธิ์ ระบุว่า ไวท์คอต ที่ ศ.นพ ธีระวัฒน์ บอกนั้น เป็นการเข้าใจผิด จริงๆ แล้วแท่งสีขาวๆ ที่เห็น เป็นการตกตะกอนของเลือดภายหลังจากการตาย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติที่พบได้ในผู้ตายทุกคน อธิบายง่ายๆ คือเวลาเราเอาเลือดทิ้งไว้เฉยๆ ในเลือดไม่ได้มีแต่ตัวเลือดอย่างเดียว มีเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และน้ำเลือด

“ตัวน้ำเลือดตกตะกอนไปแล้วมันจะเป็นเม็ดเลือดแดง จะกองอยู่ข้างล่างตามด้วยเม็ดเลือดขาว และน้ำใสๆ เมื่อมันแข็งตัวหลังตายก็จะเจอเป็นลักษณะแท่งสีขาวลื่นๆ นิ่มๆ คล้ายเจล” ตัวอย่าง Antemortem thrombus (ลิ่มเลือดอุดตันก่อนตาย) จะมีลักษณะที่แตกต่างจาก postmortem blood clot (ลิ่มเลือดภายหลังการตาย) อย่างชัดเจน ตั้งแต่สีที่มีลักษณะแดงสด อมชมพูอย่างกลมกลืน (maroon) แห้ง และมีผิวเป็นจุดเล็กเป็นเกล็ด และมีการยึดติดกับผนังหลอดเลือด ที่สำคัญไม่เป็นสีขาวที่เกิดจากการแยกชั้นของ plasma P.S. postmortem clot (โพสโมเตม คอต) คือลิ่มเลือดที่ตายแล้วและเกิดการตกตะกอนจะมีสีขาว บางครั้งเราเรียก chicken fat หรือ autopsy เจอกันเป็นประจำ เขี่ยดูแล้วก็ทิ้งไป

“ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเวลาผ่าศพเจอเป็นประจำไม่ได้เกี่ยวข้องกับวัคซีนใดๆ ทั้งสิ้น เพราะมีมาตั้งนานแล้วซึ่งเราเรียกว่า postmortem blood clot” การผ่าชันสูตรให้ความสำคัญกับลิ่มเลือดที่เกิดหลังตายทันที จะได้รู้สาเหตุการตายที่ชัดเจน ซึ่งลิ่มเลือดที่อุดตันตามหลอดเลือดต่างๆ ต้องเป็นสีแดงทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ทางแพทย์นิติเวชให้ความสำคัญเป็นอย่างมากเพราะเป็นการเกิดขึ้นทันทีที่ตาย เช่น มีเซลล์อยู่ในนั้นผ่าตัดลิ่มเลือดไปตรวจทางกล้องจุลทรรศน์ก็จะมีลักษณะคือหลอดเลือดที่ตายไปแล้วและทำการผ่าชันสูตรทำให้เลือดที่เคยอยู่นั้นค่อยๆ ตกตะกอน เป็นการเกิดก่อนตาย

ดังนั้นต้องแยกจากกัน เพราะเวลาชันสูตรศพ ต้องดูว่าเลือด ลิ่มเลือดต่างๆ แพทย์จะดูก่อนตายทันที ซึ่งจะทำให้รู้ว่าการตายเพราะโรคอะไร หรือ เกิดจากวัคซีน ที่ผ่านมา เคยมีคนที่เสียชีวิตจากวัคซีนหนึ่งรายก็พบเช่นกัน เพราะเป็นเรื่องปกติ คนตายจากโรคอื่นก็พบได้ ดังนั้น ไม่ว่าจะเสียชีวิตจากอะไร ร่างกายทุกคนก็มี postmortem blood clot ตัวนี้ อยู่ในตัวอยู่แล้ว เรียกว่าลิ่มเลือดตาย เวลาแพทย์ชันสูตรก็จะตัดทิ้งไป “และยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรือปรากฏการณ์ใหม่ แต่เป็นมานาน ตั้งแต่ตนเป็นนักเรียนแพทย์แล้ว มีลักษณะเหมือนยาสีฟันลื่นเป็นวุ้นคล้ายกับมันหนังไก่ กึ่งเจล ซึ่งอยู่ในท่อของหลอดเลือดเหมือน

หากจะอธิบายให้เห็นภาพชัดๆ ลองนึกถึงข้าวหลาม เราผ่าข้าวหลามก็จะพบแท่งข้าวหลามเป็นแท่งตามทรงกระบอกไม้ไผ่ เช่นกันกับกรณีนี้ มันอยู่ในหลอดเลือด เมื่อตายก็อยู่ในหลอดเลือดเป็นทรงหลอดเลือด ก็จะเป็นเหมือนหนวดปลาหมึกและเป็นแท่งยาวๆ” โดยสรุป จากข้อมูลที่ออกมาเป็นการเข้าใจผิด ซึ่งข่าวที่ออกมาที่จะสร้างความสับสนให้กับประชาชนเพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับวัคซีนแต่เป็นเรื่องปกติที่พบได้

ที่มา : Center for Medical Genomics

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related