svasdssvasds

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ปปช. สอบนายกฯ ใช้อำนาจมิชอบหรือไม่

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ปปช. สอบนายกฯ ใช้อำนาจมิชอบหรือไม่

หมัดแรก! “บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ปปช. สอบนายกฯ ใช้อำนาจมิชอบหรือไม่ ชี้ถูกสั่งย้ายให้กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งที่ยังไม่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ลั่นหากผิดลาออกอยู่แล้ว แต่ไม่ผิดพร้อมสู้เต็มที่ โวยถูกกลั่นแกล้งไม่ให้ได้เป็น ผบ.ตร.

พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมายัง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. เพื่อยื่นหนังสือ ร้องทุกข์

ขอให้ประธาน ป.ป.ช. ตรวจสอบใน 3 ประเด็นหลัก คือ

  1. ยื่นร้องให้ตรวจสอบ นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผบ.ตร. เพราะที่ผ่านมาไม่มีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมายื่น มีเพียงแค่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียะเวช มายื่นเท่านั้น วันนี้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงมายื่นในฐานะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 
  2. ยื่นร้องให้ตรวจสอบ นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กรณีที่มีคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วให้ออกจากราชการ ทั้งที่ ก่อนหน้ามีคำสั่งให้มาช่วยราชการ
  3. ยื่นร้องให้ตรวจสอบ อำนาจการสอบสวนของคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีเว็บพนันBNK Master ว่ามีอำนาจในการสอบสวนหรือไม่ และยื่นร้องให้ตรวจสอบหัวหน้าพนักงานสอบสวน รวมถึงคณะพนักงานสอบสวนทุกนาย ว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือไม่ ในการทำคดีเว็บพนันฯ หรือไม่

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ปปช. สอบนายกฯ ใช้อำนาจมิชอบหรือไม่

โดย พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ออกมาต่อสู้เพื่อความเป็นธรรมของตัวเอง หลังจากถูกดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรมมา 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน จึงต้องออกมาใช้สิทธิ์ในการต่อสู้อย่างถูกต้อง ซึ่งยืนยันว่าส่วนตัวไม่ได้กังวล เพราะเชื่อมั่นว่าอย่างไรตนก็จะได้กลับมา และก่อนจะไปดูว่า ตนเองและลูกน้องผิดหรือถูก ต้องดูก่อนว่า ใครคือผู้มีอำนาจในการสอบสวน เพราะถ้าสอบโดยไม่มีอำนาจจะต้องติดคุก

จากนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้ยกแผนผังมาอธิบายประกอบถึงการแถลงข่าว เรื่องอำนาจในการสอบสวน ที่เริ่มจากการดำเนินคดีลูกน้องตนเอง 8 คน เมื่อมีการดำเนินคดีแล้ว สุดท้าย ป.ป.ช. มีมติเรียกสำนวน ลูกน้องของตนเอง 8 คน และสำนวนที่กล่าวหาตนเองในครั้งแรก 5 คน มาไว้ที่ ป.ป.ช.

ซึ่งเหตุผลที่ ป.ป.ช.เรียกสำนวนกลับมาเพราะอยู่ในอำนาจของ ปปช. เนื่องจากหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ก็อยู่ในอำนาจของ ปปช. เพราะ ปปช.มีอำนาจที่แท้จริง ส่วนตำรวจ มีหน้าที่แค่ รวบรวมสำนวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานในเบื้องต้น ส่งเรื่องให้ ปปช.ภายใน 30 วัน ตามกฎหมาย ปปช.

ซึ่งเรื่องนี้ เกี่ยวกับตนเองคือ คดีนี้เริ่มครั้งแรก ที่พนักงานสอบสวนเห็นเส้นเงิน ของ พ.ต.ท.คริษฐ์ ว่า ใช้บัญชีม้ากี่คน เส้นเงินมีทั้งหมดเท่าไร แล้วพนักงานสอบสวน ได้ทยอยแบ่ง สำนวนออกมาทำ ซึ่งหากผู้ต้องหาคนเดียวกัน เส้นเงินเส้นเดียวกัน ผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน เป็นความผิด ฐาน 157 ต้องส่ง ป.ป.ช.ในคราวเดียวกันเลย จะมาแยกเป็นตอนๆ ซอยแยกไม่ได้

เส้นเงินคนเดียวกัน บัญชีม้าก็เป็นของคริษฐ์ เว็บพนันจะมีกี่เว็บ ถ้าผู้ต้องหาคนเดียวกัน เช่น ถ้ามีบ่อน 10 บ่อน ก็เจ้าของบ่อนคนเดียว ดังนั้นคดีแบบนี้เป็นคดีเดียวกันจะแยกมาสอบสวนไม่ได้

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ปปช. สอบนายกฯ ใช้อำนาจมิชอบหรือไม่

ดังนั้น ป.ป.ช.เห็นว่า จะเกิดความเสียหาย จึงมีมติเลือกสำนวนกลับในวันที่ 2 ธันวาคม 2566 และก่อนหน้านี้ ตำรวจก็มีการสั่งฟ้องไปที่อัยการ โดยไม่ได้แจ้งต่อ ป.ป.ช.ทราบถือเป็นการทำแทน ป.ป.ช. อัยการสั่งมาสอบเพิ่มเติม ผ่านมา 3 เดือนกว่าแล้วก็ยังไม่สอบเพราะไม่รู้จะสอบยังไง เนื่องจากคดีนี้ไม่ได้หวังผลทางคดี แต่หวังผลไม่ให้ตนเองเป็น ผบ.ตร.

ส่วนกรณีที่มีการกล่าวหาตนเองในคดีใหม่ ก็มาอาศัยจากคดีเดิม และแจ้งข้อกล่าวหาตนเองคดีฟอกเงิน เพื่อจะได้ไม่ต้องส่ง ป.ป.ช.แต่คดีที่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐต้องส่ง ป.ป.ช.หมดจะแยกไม่ได้ รวมถึงเมื่อแจ้งคดีฟอกเงินแล้ว ก็ยังเก็บคดีไว้ 4 เดือน แล้วไปสู่การออกหมายเรียก และออกหมายจับ และก่อนหน้านี้ตนเองก็ทำหนังสือโต้แย้งไปว่าอยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช. เพื่อให้พนักงานสอบสวนส่งมา และ “ยืนยันว่า ที่ตนเองต้องการให้ส่งสำนวนให้ ป.ป.ช.ไม่ใช่เพราะรู้จักกับใคร แต่เพราะเป็นอำนาจของ ป.ป.ช.” และมีการออกหมายเรียกตนเอง 3 ครั้ง จนไปขอหมายจับ และตนเองก็ไม่ได้หลบหนี ทั้งนี้การไปขอหมายจับ ตนเองก็เคารพศาลและไปมอบตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม 

“บิ๊กโจ๊ก” ร้อง ปปช. สอบนายกฯ ใช้อำนาจมิชอบหรือไม่

ก่อนหน้านี้ตนเองถูกไปช่วยราชการที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน ให้เสร็จภายใน 60 วัน แต่สิ่งที่เกิดขึ้น หลังศาลออกหมายจับ ก็ยังไม่ส่งสำนวนไป ป.ป.ช. เพราะรอให้มีคำสั่งให้ตนออกจากราชการไว้ก่อน เหมือนครั้งในอดีตที่ ซึ่งถือเป็นการกระทำโดยมิชอบ

อีกทั้งวันที่ 18 เม.ย. ตนเองยังไม่ได้ไปรับหนังสือคำสั่ง แต่กลับถูกส่งตัวกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ให้ออกจากราชการ  จากนั้นวันที่ 19 เม.ย. ตำรวจก็ส่งสำนวนทั้งหมดให้ ป.ป.ช.เลย จึงขอถามว่า “มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน แบ่งงานกันทำอย่างแยบยลหรือไม่”

วันนี้จึงขอมาพูดถึงเรื่องของอำนาจ ไม่ได้พูดเรื่องสำนวน  เพราะหากอำนาจไม่ชอบ พยานหลักฐานที่นำเข้าสำนวน ก็เป็นไปโดยมิชอบ เอาเข้าสำนวนไม่ได้ตามหลักกฎหมาย

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังได้อธิบายต่อถึงอำนาจของดีเอสไอ หากเป็นคดีฟอกเงิน ตำรวจก็จะหมดอำนาจ จะต้องส่งไปให้ ดีเอสไอ ภายใน 15 วัน แต่ก็มีข้อโต้แย้งจาก สน.เตาปูน ว่า มูลค่าความผิดเรื่องฟอกเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท ทั้งที่คำร้องขอหมายจับ ระบุว่า มูลค่า 490 ล้านบาท ก็ยังไม่ส่งสำนวนไป เก็บสำนวนไว้เรื่อยๆ เหมือนอำนาจเถื่อน เหมือนอาญาเถื่อน เพราะจะเอาไอโจ๊กให้ตายให้ได้ และไปตั้งคณะสอบสวนใหม่อีกในการตั้งรับคดี ซึ่งก็มีการเขียนตั้งคดีว่า มีเงินหมุนเวียน 400 ล้าน แล้วก็เก็บคดีไว้ ไม่ส่งคดีไปที่ดีเอสไออีก แล้วดีเอสไอ ก็ส่งหนังสือไปที่เตาปูน เตาปูน ก็ตอบกลับมาว่า มูลค่าไม่ถึง 300 ล้านอีก ดีเอสไอ จึงออกหนังสือชี้แจงมา ได้มีการทำรายงานสืบสวนส่งไปที่ ปปช. ว่า เป็นคดีพิเศษ ให้ ป.ป.ช.พิจารณาตามกฎหมาย
  
“คุณรับสารภาพโดยดุษฎี เองด้วย เพราะส่งสำนวนมาให้ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 19 เม.ย.นั่นหมายความว่า รับสารภาพเรื่องอำนาจหน้าที่แล้ว”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังบอกอีกว่า “เมื่อการสอบสวนไม่ชอบทุกอย่างก็ล้มทั้งกระดาน ไม่ต้องไปพิจารณาในเนื้อสำนวน และเมื่อการสอบสวนไม่ชอบ การดำเนินการต่อมาคือ ทางวินัย และผมถูกดำเนินการทางวินัย เมื่อต้นไม้เป็นพิษ ผลไม้เป็นพิษหมด และคดีนี้ ขอให้คนดำเนินคดีไปคิดให้ดีๆ ไม่งั้นผู้กำกับเตาปูน คงไม่ออกมาลาออก และการให้ผมออกจากราชการทำได้ แต่เมื่อทำไปแล้วหนังคนละม้วน”

ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรี อยู่ดีๆ ตั้งกรรมการสอบตนเอง 60 วัน วันดีคืนดี ตนเองเตรียมไปให้การ แต่กรรมการสอบยังไม่ได้สอบ ยังสอบไม่เสร็จ ก็ส่งตัวกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วให้ออกจากราชการ แล้วแบบนี้สังคมและประชาชนจะงงกับการกระทำหรือไม่ 

“มันเป็นการกลั่นแกล้งให้ผมไม่ได้เป็น ผบ.ตร. เพราะผมเป็น เบอร์ 1 ถ้าเป็นเบอร์ 6 คงอยู่ได้สบาย”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมองอีกว่า ที่ต้องให้ตนเองออกจากราชการไว้ก่อน เพราะ เมื่อส่งสำนวนมา ป.ป.ช.แล้ว หลักกฎหมาย ป.ป.ช. หากยังไม่ชี้มูลถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ดังนั้นจะให้ออกจากราชไม่ได้ จึงค่อยมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนที่จะส่งสำนวนไป   ดังนั้นการมีกระทำขัดต่อกฎหมาย จะเป็นการกระทำโดยมิชอบแน่นอน

 “วันนี้เป็นการกล่าวหานายก แค่เรื่องแรก อีก 3-4 วัน จะมากล่าวหานายกรัฐมนตรีอีก และจะกล่าวหา รักษาการผบ.ตร. พร้อมยื่นฟ้องศาลอาญาทุจริตด้วย วันนี้จึงขอให้ไปนั่งเอาหัวชนกันให้ดีว่าใครหลอกใครใครถูกหลอกกันแน่”

หากสอบสวนแบบนี้แล้วความเป็นธรรมอยู่ที่ไหน และถ้าผมผิดจริงผมออกเลย ไม่อยู่สู้หรอก ผมออกเลยผมรับสภาพ แต่วันนี้ มันสอบสวนไม่เป็นธรรมผมต้องสู้ และคุณทำอะไรเหมือนเป็นอาญาเถื่อน การสอบสวนโดยมิชอบ และวันนี้เมื่อผมออกจากราขการไว้ก่อนแล้ว ผมมีเวลาเยอะ หลังจากนี้เตรียมตั้งรับให้ทันแล้วกัน

ส่วนจะกลับไม่กลับไปรับตำแหน่งอีกได้หรือไม่นั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า ขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจ และใครก็ตามที่ถูกกระทำแบบนี้ก็สู้กันทุกคน ถ้าผิดจริง ผมน้อมรับ ผมไม่สู้ ผมนักเลงอยู่แล้ว แต่วันนี้สอบสวนไม่เป็นธรรม ตนเองก็สู้ตามสิทธิของตน ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ไปยื่นคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมแล้ว ว่าการโยกมาช่วยราชการ เป็นการโยกโดยมิชอบ ซึ่งคณะกรรมการพิทักษ์คุณธรรม ก็เกิดขึ้นใน พรบ.ตำรวจฉบับใหม่ คณะกรรมการชุดนี้ ก็เหมือนศาลปกครอง ทำให้ตำรวจไม่ต้องไปหาความเป็นธรรม

เมื่อถามว่า เป็นการรุมกินโต๊ะหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุว่า สื่อยังเห็นว่ารุมกินโต๊ะ และหลายอย่างเกิดจากการทำงานตั้งใจเข้มข้น เพื่อชาติบ้านเมือง และวันนี้สิ่งสำคัญคือผู้บังคับบัญชาต้องให้ความเป็นธรรม ไม่ใช้ผู้บังคับบัญชาไปเอากับเขาด้วย ดังนั้นหากใครเกี่ยวข้องตนเองก็ดำเนินคดีหมด

“เราเป็นตำรวจเราสอบสวนมาเอง ผมเป็นตำรวจก็ไม่เคยสอบสวนแบบนี้  แล้วไปไล่ผมออกก็ยิ่งไม่ชอบ แล้วนายกฯ ก็ตั้งกรรมการสอบแล้วส่งผมกลับ ผมก็งง ประชาชนก็งงกันหมดแล้ว”

ส่วนจะมีคนต้องติดคุกหรือไม่ขอให้รอติดตาม ซึ่งหลังจากนี้ก็จะออกมาเปิดเผยเรื่องการตรวจสอบวินัยร้ายแรงในอีก 2-3 วัน และไม่ได้กังวลหากหลังจากนี้จะต้องถูกดำเนินคดีอะไรอีก 

เมื่อถามถึงกรณี หนังสือการยื่นคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. ว่า เรื่องนี่ตนเองขอไม่พูด เพร่ะปรากฏอยู่ในโลกโซเชียลอยู่แล้ว แต่ยืนยันว่า ตนไม่ได้เป็นคนปล่อย เอกสารดังกล่าว 

“วันนี้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ใครทำอะไรได้อย่างนี้ มาทางไหนก็ไปทางนั้น และการเป็น ปปช.อะไรต่างๆ ผมมาหาความยุติธรรมที่นี่ เมื่อองค์กรให้ความเป็นธรรมผมไม่ได้ ก็ต้องมาหาที่นี่ ขอไม่พูดเรื่องรายละเอียดในเอกสาร เป็นหน้าที่ของ ปปช.ที่จะไปประชุม สื่อจะเข้าใจได้ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่จริง และวันนี้ใครทำอะไรได้อย่างนั้น และผมเป็นคนใต้ เป็นนักสู้เต็มตัว”

ทั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ขอตอบว่า ได้มีการปรึกษากับ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หรือไม่ กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ‘เดี๋ยวบานปลาย ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว’ ก่อนทิ้งท้าย ตอบคำถามนักข่าว หลังถูกถามกระแสที่จะไปเล่นการเมืองหากไม่ได้กลับมารับราชการว่า ‘ตอนนี้ยังไม่คิด’

นายกฯ ไม่หวั่น “โจ๊ก” ร้อง ป.ป.ช.สอบตั้ง“ต่อศักดิ์” -ออกคำสั่งย้ายกลับไม่ชอบกฎหมาย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงกรณีที่พลตำรวจเอกสุรเชษฐหักผ่านไปร้อง ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี ความผิดเกี่ยวกับปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเรื่องการพิจารณาแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ครั้งที่ผ่านมา และเรื่องออกคำสั่งส่งตัวกลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่รักษาราชการ ผบ.ตร.สั่งให้ออกจากราชการ ว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ ซึ่งมีคนเคยไปร้องแล้วหนหนึ่งและมีคนมาร้องซ้ำอีก

ยืนยันสามารถชี้แจงได้กระบวนการทุกอย่าง เป็นไปตามขั้นตอนและมีวิธีของการรับฟังความคิดเห็นทุกคนอย่างเป็นธรรมพูดคุยกันในวงกว้างถึงจะสรุป ซึ่งคะแนนที่เลือกพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ในวันนั้นก็ชัดเจนคือ 9-1 ชัดเจนว่ามีคนไม่ออกเสียงและเลือก พลตำรวจเอกต่อศักดิ์เป็น ผบ.ตร.และอีกคนไม่เห็นด้วยซึ่งก็เป็นเอกฉันท์

ซึ่งหากการเลือกวันนั้นออกมาแล้วและตัวเองไม่แต่งตั้งพลตำรวจเอกต่อศักดิ์ ก็จะโดนข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ 157 มั่นใจได้ทำตามกฎหมายทุกอย่าง และไม่ได้เข้าข้างใครไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับใครคนใดคนหนึ่ง ส่วนจะเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ ส่วนตัวก็ตั้งข้อสังเกตสงสัยอยู่เหมือนกันแต่เชื่อว่าได้ทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง ไม่ได้กลั่นแกล้งใครและไม่ได้ให้ความลำเอียงกับใครคนใดคนหนึ่ง แต่เอาผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง

นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงกระแสข่าวของการปรับ ครม.ว่าในการรับประทานอาหารเที่ยงกับพรรคร่วมรัฐบาล วันนี้ไม่มีคุยกันเรื่องนี้ แต่ได้พูดคุยกันหลายเรื่องทั้งแก้วรัฐธรรมนูญและเงินดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งวันพรุ่งนี้ก็จะนำเข้าที่ประชุม ครม.และแถลง นายกรัฐมนตรียังบอกอีกว่าตนเองยังไม่เคยพูดว่าจะปรับ ครม.มีแต่พูดกันไปเอง ส่วนจะเป็นเดือนนี้หรือเดือนหน้าก็ขอไม่พูดเพราะพูดไปแล้วหลายหน หากมันเกิดขึ้นก็รู้เอง การปรับต้องผ่านกระบวนการ แต่งตั้งที่ถูกต้องคงไม่เกิดขึ้นเงียบๆ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related