SHORT CUT
Rosa Parks ผู้หญิงธรรมดาที่เปลี่ยนประวัติศาสตร์ ด้วยการ "ไม่ลุก"จากที่นั่ง ต่อสู้เพื่อสิ ทธิ์คนผิวดำให้เท่าเทียมบนรถโดยสาร
ลองจินตนาการถึงโลกเมื่อ 70 ปีก่อน รถเมล์คันหนึ่งวิ่งอยู่ในเมืองมอนต์โกเมอรี รัฐแอละแบมา สหรัฐอเมริกา ที่นั่งด้านหน้าคือพื้นที่ของ “คนขาว” ส่วนด้านหลังก็คือที่ของ “คนดำ” ตามกฎที่เขียนไว้โดยไม่ต้องใช้ปากกา เพราะทุกคนรู้ดีว่าถ้าละเมิด จะเกิดอะไรขึ้น
แล้วจู่ ๆ หญิงผิวดำตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง ก็นั่งนิ่งอยู่ที่เบาะหน้าโดยไม่ยอมลุกขึ้นให้คนขาวที่เพิ่งก้าวขึ้นมา
โรซา พาร์กส์ (Rosa Parks) ไม่ใช่นักปฏิวัติที่เดินขบวนจุดไฟเผารถ หรือพูดปราศรัยเสียงดัง เธอเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งที่เหนื่อยใจ กับการยอมจำนนต่อความอยุติธรรมมาทั้งชีวิต
โรซาเกิดเมื่อปี 1913 ในครอบครัวชาวแอฟริกัน อเมริกันธรรมดา ๆ ในรัฐแอละแบมา เธอโตมากับการเห็นความเหลื่อมล้ำตั้งแต่ยังเล็ก โรงเรียนที่มีแต่คนดำ ห้องน้ำที่แยกคนผิวขาวออกจากคนผิวดำ และกฎที่บอกเธอว่า “คนไม่เท่ากัน”
เธอเรียนไม่จบมัธยมตอนแรก เพราะต้องดูแลครอบครัว แต่กลับไปเรียนจนจบในภายหลัง สมรสกับ เรย์มอนด์ พาร์กส์ ชายหนุ่มผู้เชื่อในสิทธิความเท่าเทียม และกลายเป็นนักเคลื่อนไหวที่ทำงานในสมาคม NAACP ซึ่งโรซาก็ร่วมงานด้วยอย่างแข็งขัน
วันนั้นคือวันที่ 1 ธันวาคม 1955 บนรถเมล์ในมอนต์โกเมอรี พนักงานขอให้โรซาลุกจากที่นั่งเพราะมีชายผิวขาวยืนอยู่ โรซา… ปฏิเสธ !!
มันไม่ใช่ครั้งแรกที่มีคน“ไม่ลุก” จากที่นั่งคนผิวขาว แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือเธอเป็นคนที่มีพลังจากการทำงานเพื่อสิทธิคนผิวดำมานาน และสิ่งที่เธอทำ จุดชนวนให้เกิด การคว่ำบาตรรถเมล์มอนต์โกเมอรี นานถึง 381 วัน นำโดยชายหนุ่มชื่อ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีใครรู้ว่าเขาจะกลายเป็นตำนานของโลก
ศาลสูงสุดตัดสินให้การแบ่งแยกที่นั่งบนรถโดยสารขัดรัฐธรรมนูญในปีถัดมา และชัยชนะนั้นเริ่มต้นจากการ "ไม่ลุก" ของผู้หญิงคนเดียว
หลังจากเป็นข่าวใหญ่ โรซาต้องเผชิญกับแรงต้าน เธอถูกไล่ออกจากงาน ถูกข่มขู่ จนต้องย้ายไปดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน แต่เธอไม่เคยหยุดต่อสู้เพื่อคนของเธอ เธอทำงานกับสมาชิกสภาผู้แทนฯ ต่อสู้เพื่อสิทธิพลเมืองไปจนถึงบั้นปลายของชีวิต
เธอได้รับรางวัลมากมาย รวมถึง เหรียญแห่งเสรีภาพจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ เหรียญทองจากรัฐสภา แต่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอาจไม่ใช่รางวัลใด ๆ แต่คือแรงบันดาลใจที่ส่งต่อไปยังคนอีกนับล้าน
เธอจากโลกนี้ไปในปี 2005 ด้วยวัย 92 ปี แต่ประโยคอมตะของเธอยังคงอยู่ที่ว่า "คุณต้องไม่เกรงกลัวในสิ่งที่ถูกต้อง แม้จะต้องยืนเพียงลำพังก็ตาม"
ที่มา : Britannica
ข่าวที่เกี่ยวข้อง