สหรัฐฯ และจีน บรรลุตกลงลดภาษีนำเข้าสินค้าของกันและกัน 115% เป็นเวลา 90 วัน ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวที่จะช่วยลดความรุนแรงของสงครามการค้าและช่วยหนุนตลาดทั่วโลก
โดย สก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายจะลดภาษีลง 115% มีผลตั้งแต่วันพุธที่ 14 พ.ค. 2025 หมายความว่าภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนไปยังสหรัฐฯ จะลดลงจาก 145% เหลือ 30% ขณะที่ภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐฯ ไปยังจีน จะลดลงจาก 125% เหลือ 10%
การประกาศผ่านแถลงการณ์ร่วมครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากการเจรจาการค้าที่ยาวนานระหว่างเจ้าหน้าที่จากทั้งสหรัฐฯ และจีน ในนครเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายต่างยกย่องถึงการบรรลุข้อตกลงครั้งนี้ว่าเป็น "ความคืบหน้าที่สำคัญ" ที่จะทำให้เกิดความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าที่ยั่งยืน ยาวนาน และเกิดประโยชน์ร่วมกัน
ขณะที่นักลงทุนทั่วโลกต่างแสดงความยินดีกับการคลี่คลายของสงครามการค้าที่เกิดจากมาตรการภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ซึ่งถูกมองวว่าเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายในตลาดการเงิน ทำลายห่วงโซ่อุปทาน และปลุกปั่นให้เกิดความกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยเป็นอย่างมาก
เบสเซนต์ยังกล่าวในการแถลงข่าวที่เจนีวาเมื่อวันจันทร์ด้วยว่า ทั้งจีนและสหรัฐฯ ต่างเห็นพ้องกันว่า ไม่มีฝ่ายใดต้องการแยกตัวออกจากกัน และสิ่งที่เกิดขึ้นจากภาษีศุลกากรที่สูงมากนี้ เทียบเท่ากับการคว่ำบาตร ซึ่งไม่มีใครต้องการเช่นนั้น พวกเขาต้องการความสมดุลในการค้าที่มากขึ้น ทำให้ทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลงดังกล่าว
ด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่า แถลงการณ์ร่วมครั้งนี้นับเป็น 'ก้าวสำคัญ' ของทั้งสองฝ่าย ในการแก้ไขความขัดแย้งผ่านการสนทนาและปรึกษาหารืออย่างเท่าเทียมกัน การวางรากฐานและสร้างเงื่อนไขสำหรับการลดช่องว่างและกระชับความร่วมมือระหว่างประเทศให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังตกลงที่จะจัดตั้ง "กลไกในการดำเนินการเจรจาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้า" ต่อไป ซึ่งมีตัวแทนการหารือเป็นรองนายกรัฐมนตรีจีน เหอ หลี่เฟิง, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐฯ สก็อตต์ เบสเซนต์ และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จามีสัน กรีร์ โดยการหารืออาจจัดขึ้นสลับกันทั้งในจีนและสหรัฐฯ เพื่อปรึกษาหารือในประเด็นเศรษฐกิจและการค้าที่เกี่ยวข้องหากจำเป็น