svasdssvasds

อังกฤษ-อียู ต้องกลับมาจับมือกันอีกครั้ง เพื่อรับมือทรัมป์

อังกฤษ-อียู ต้องกลับมาจับมือกันอีกครั้ง เพื่อรับมือทรัมป์

การกลับมาของทรัมป์ กลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้อังกฤษและสหภาพยุโรปต้องกลับมาร่วมมือกันอีกครั้ง เพื่อรับมือผลกระทบจากนโยบายต่างประเทศของอเมริกา

ผ่านมา 5 ปีแล้ว หลังจากที่อังกฤษได้ถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ ในขณะที่ผู้นำคนปัจจุบันของอังกฤษกำลังพยายามพาประเทศก้าวไปข้างหน้า ด้วยการกลับไปเริ่มต้นความสัมพันธ์ครั้งใหม่กับสหภาพยุโรป โดยจะมีการประชุมสุดยอดเกิดขึ้นในวันจันทร์นี้ เพื่อก้าวสู่ยุคใหม่ของความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่ายอีกครั้ง

เป้าหมายหลักของการประชุมสุดยอดครั้งนี้ มีขึ้นเพื่อเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกัน ท่ามกลางสภาวะทางการเมืองและภูมิรัฐศาสตร์กำลังตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ โดยมีหัวข้อการประชุมกว้างๆ คือ "วิธีที่จะก้าวไปข้างหน้าในโลกที่สหรัฐฯ กำลังถอยหลังกลับ"

อังกฤษ-อียู ต้องกลับมาจับมือกันอีกครั้ง เพื่อรับมือทรัมป์

นักวิเคราะห์มองว่า หลังจากเป็นผู้นำด้านการทหารและการค้าเสรีมานานหลายทศวรรษ บทบาทของสหรัฐฯ ในโลกยุคใหม่กำลังถูกปรับเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ภายใต้การนำของรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งผลักดันให้ยุโรปแบกรับความรับผิดชอบด้านการป้องกันประเทศ ด้วยการเลิกสนับสนุนยูเครน และหันไปหารัสเซียอย่างแนบแน่มากขึ้น ทั้งยังทำสงครามการค้ากับทั่วโลกด้วยภาษีนำเข้าที่สูงขึ้น

อังกฤษ-อียู ต้องกลับมาจับมือกันอีกครั้ง เพื่อรับมือทรัมป์

สถานการณ์ดังกล่าวได้ทำให้การประชุมสุดยอดครั้งนี้มีความสำคัญมากขึ้น เพราะแม้ว่าอังกฤษจะแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป เนื่องจากต้องการดำเนินการทางเศรษฐกิจเพียงลำพัง แตาความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ได้เตือนให้ทั้งสองฝ่ายมองเห็นแล้วว่ายังมีปัญหาหลายประการที่พวกเขาต้องร่วมมือกันแก้ไขเท่านั้นถึงจะผ่านไปได้

ขณะที่สหภาพยุโรปกำลังดำเนินโครงการเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการทหารของตนเอง หลังได้รับแรงกระตุ้นจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย อีกทั้งยังกังวลว่ารัสเซียอาจคุกคามประเทศอื่นๆ ของยุโรปภายในทศวรรษหน้า ซึ่งพวกเขาจำเป็นต้องเตรียมพร้อมที่จะปกป้องตนเองหากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

อย่างไรก็ตาม ยังมีการตั้งคำถามเกิดขึ้นว่า อังกฤษที่เป็นฝ่ายเลือกเดินออกจากสหภาพยุโรปไปแล้วนั้น ควรมีบทบาทด้านการทหารและความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการเงินกู้ 150,000 ล้านยูโรเพื่อให้ทุนในการจัดซื้อด้านการป้องกันร่วมกัน ทั้งยังมีบางประเทศของสหภาพยุโรปที่ต้องการจำกัดการมีส่วนร่วมของอังกฤษ เช่น ฝรั่งเศส