svasdssvasds

ทรัมป์เผย รัสเซียตกลงเจรจาหยุดยิง แต่ไม่ยอมระบุกรอบเวลา

ทรัมป์เผย รัสเซียตกลงเจรจาหยุดยิง แต่ไม่ยอมระบุกรอบเวลา

ประธานาธิบดีทรัมป์เผยความคืบหน้าการเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังการคุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีปูติน ซึ่งระบุเพียงว่าการเจรจาดังกล่าวต้องใช้เวลา

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวหลังจากโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เมื่อวันจันทร์ ว่า รัสเซียและยูเครนจะเริ่มเจรจาหยุดยิงทันที แต่ปูตินระบุว่ากระบวนการนี้ต้องใช้เวลา และประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าเขาไม่พร้อมที่จะเข้าร่วมกับยุโรปในการคว่ำบาตรครั้งใหม่เพื่อกดดันรัสเซีย

ในโพสต์บนโซเชียลมีเดียของทรัมป์กล่าวว่า หลังจากการพูดคุยของเขากับผู้นำรัสเซีย เขาได้ถ่ายทอดแผนดังกล่าวไปยังประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน รวมถึงผู้นำของสหภาพยุโรป ฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี และฟินแลนด์ ในการโทรคุยพร้อมกันเป็นกลุ่ม พร้อมย้ำว่า "รัสเซียและยูเครนจะเริ่มเจรจาเรื่องการหยุดยิงและนำไปสู่การยุติสงครามในทันที"

ทรัมป์เผย รัสเซียตกลงเจรจาหยุดยิง แต่ไม่ยอมระบุกรอบเวลา

ด้านประธานาธิบดีปูติน ได้กล่าวขอบคุณทรัมป์ที่สนับสนุนการกลับมาเจรจาโดยตรงระหว่างรัสเซียและยูเครนอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่ได้พบกันในตุรกีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเจรจาแบบพบหน้ากันครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ส่วนการสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมานั้น ปูตินระบุว่า ความพยายามทั้งหมดยังอยู่ในเส้นทางที่ควรจะเป็น

ปูตินให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้ตกลงกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ แล้วว่า รัสเซียจะเสนอและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับยูเครนในการจัดทำบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพในอนาคตที่เป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผู้นำยุโรปและยูเครนเรียกร้องให้รัสเซียตกลงหยุดยิงทันที และทรัมป์เน้นย้ำให้ปูตินตกลงหยุดยิง 30 วัน แต่ปูตินไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ โดยยืนกรานว่าต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขก่อน และไม่สามารถกำหนดเส้นตายได้ว่าจะเริ่มหยุดยิงเมื่อไหร่

ขณะที่ผู้นำยุโรปยังคงตัดสินใจเพิ่มแรงกดดันต่อรัสเซียด้วยการคว่ำบาตร หลังได้รับข้อมูลสรุปเกี่ยวกับการโทรศัพท์พูดคุยกันระหว่างทรัมป์และปูตินแล้ว แต่ทรัมป์แสดงท่าทีว่าไม่พร้อมที่จะทำตามการเคลื่อนไหวดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่ามันอาจทำให้ทุกอย่างแย่ลง

ด้านยูเครนและผู้สนับสนุนกล่าวหาว่ารัสเซียล้มเหลวในการเจรจาด้วยความจริงใจ โดยทำเพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อป้องกันไม่ให้ทรัมป์ใช้แรงกดดันใหม่ต่อเศรษฐกิจของประเทศเท่านั้น