SHORT CUT
150 ปีการทูตไทย ประเทศเล็ก แต่เอกราชยืนยงด้วยพลังทางการทูต ครบรอบ 150 ปี กระทรวงต่างประเทศไทย ที่พาชาติพ่านพ้นวิกฤตมานับไม่ถ้วน
ประเทศไทยเป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ไม่ได้มีกำลังทางทหารมหาศาลหรือเป็นมหาอำนาจในเวทีโลก แต่สิ่งหนึ่งที่โดดเด่นคือไทยไม่เคยตกเป็นอาณานิคมหรือเสียเอกราชให้แก่ชาติใดเลยตลอดประวัติศาสตร์สมัยใหม่ ไม่ว่าจะต้องเผชิญกับมหาสงครามและความขัดแย้งระดับโลกอย่างสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 หรือสงครามเย็น ไทยสามารถยืนหยัดรักษาความเป็นไทของตนไว้ได้ ด้วยบทบาทของการทูตที่ชาญฉลาดและยืดหยุ่นมาตลอด
ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ราชอาณาจักรไทยมีความสัมพันธ์ทางการทูตและการค้ากับนานาประเทศทั้งใกล้และไกล อยุธยาเป็นเมืองท่าที่ต้อนรับพ่อค้าและทูตจากต่างแดน เช่น ชาวโปรตุเกส ฮอลันดา จีน ญี่ปุ่น รวมถึงชาวเปอร์เซีย แลกเปลี่ยนสินค้าศิลปวัฒนธรรมและเทคโนโลยีซึ่งกันและกัน นอกจากนี้ ไทยยังได้ส่งคณะทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ เช่น คณะทูตไทยในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่เดินทางไปฝรั่งเศส ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญที่แสดงให้โลกเห็นถึงความตั้งใจของไทยในการสร้างมิตรภาพข้ามแดน
เมื่อก้าวเข้าสู่ยุครัตนโกสินทร์ ประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายใหม่จากลัทธิล่าอาณานิคมของชาติตะวันตก ในรัชสมัยถัดมา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงใช้ยุทธวิธีทางการทูตที่แยบยลยิ่งขึ้นในการธำรงเอกราชของชาติ พระองค์ทรงเจรจาประนีประนอมกับมหาอำนาจตะวันตก ยอมปรับเปลี่ยนบางอย่างและยกอาณาเขตบางส่วนเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
จุดเปลี่ยนสำคัญของการทูตไทยเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ. 2418 ในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีการสถาปนา กระทรวงการต่างประเทศ อย่างเป็นทางการ ทำให้ภารกิจด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความเป็นระบบและมีหน่วยงานดูแลโดยตรง นับจากนั้น กระทรวงฯ ทำหน้าที่เป็นหัวใจของการเจรจาทางการทูต ไม่ว่าจะเป็นการทำสนธิสัญญา การแลกเปลี่ยนทูต หรือการเปิดความสัมพันธ์ทางการค้าและวัฒนธรรมกับนานาประเทศ โดยเฉพาะในช่วงศตวรรษที่ 20 ที่ไทยต้องเผชิญเหตุการณ์ระดับโลก กระทรวงฯ มีบทบาทสำคัญในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้ง รวมถึงการสนับสนุนขบวนการเสรีไทย จนสามารถรักษาเอกราชและสถานะของไทยไว้ได้แม้ผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบาก
ในยุคสงครามเย็น กระทรวงการต่างประเทศยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาดุลทางการเมืองระหว่างมหาอำนาจโลก ไทยเลือกเข้าข้างฝ่ายเสรีนิยมแต่ก็ยังรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในภูมิภาคกับจีน และมีบทบาทร่วมก่อตั้งอาเซียนในปี พ.ศ. 2510 เพื่อส่งเสริมสันติภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในโอกาสครบรอบ 150 ปี ของการสถาปนากระทรวงการต่างประเทศปีนี้ รัฐบาลไทยได้จัดกิจกรรมเฉลิมฉลองเพื่อเน้นย้ำถึงประวัติศาสตร์และบทบาทสำคัญของการทูตไทย หนึ่งในกิจกรรมสำคัญคือ นิทรรศการพิเศษ 150 ปี กระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 19 พฤษภาคม – 9 มิถุนายน ณ วิทศาสโมสร (สโมสรรับรองแขกเมืองของกระทรวงฯ) ใจกลางกรุงเทพฯ ภายในงานจะจัดแสดงเอกสารสนธิสัญญาฉบับจริงที่มีความหมายทางประวัติศาสตร์ ภาพถ่ายเหตุการณ์ทางการทูตในอดีต และโบราณวัตถุเกี่ยวกับการทูตไทยที่หาชมได้ยาก
สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็นเสมือนหน้าต่างให้คนไทยยุคปัจจุบันได้ย้อนเวลาศึกษาบทเรียนและเรื่องราวอันน่าภาคภูมิใจของบรรพบุรุษทางการทูตของเรา โดย วันที่ 19 พฤษภาคม ซึ่งเป็นวันเปิดนิทรรศการ จะจัดเป็นรอบปฐมทัศน์สำหรับสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติที่ได้รับเชิญพิเศษ พร้อมทั้งมีการเสวนาทางวิชาการในหัวข้อ “การวางรากฐานความสัมพันธ์ทางการทูตสู่อนาคต” โดยผู้ทรงคุณวุฒิด้านประวัติศาสตร์มาแบ่งปันความรู้แก่ผู้เข้าร่วม งานฉลองครบรอบนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ชมหลักฐานและเรื่องราวทรงคุณค่าทางการทูตของไทยอย่างใกล้ชิดเท่านั้น แต่ยังตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของงานการต่างประเทศที่สั่งสมมายาวนานและส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อเตรียมพร้อมก้าวสู่อนาคตบนเวทีโลกอย่างมั่นคงและสง่างาม กระทรวงการต่างประเทศไม่เคยหยุดทำงาน เปรียบเสมือนกระทรวงที่ดวงอาทิตย์ไม่มีวันตกดิน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง