ทำความรู้จัก กลไก JBC GBC RBC ในการแก้ปัญหาข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเหตุปะทะช่องบก รัฐบาลไทยย้ำใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาประชุมเจรจา 14 มิ.ย. นี้
จากกรณีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทย-กัมพูชาบริเวณช่องบก จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พ.ค. รัฐบาลไทยได้ย้ำถึงการใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะกลไก JBC (Joint Boundary Committee) ที่จะมีการประชุมในวันที่ 14 มิ.ย. 2568 ณ ประเทศกัมพูชา
จากข้อมูลของสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) พบว่า ปัจจุบันไทยมีกลไกการแก้ไขปัญหาเขตแดน กับประเทศเพื่อนบ้านแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ซึ่งขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี ได้แก่
GBC มี รมว.กลาโหมเป็นประธาน และเจ้ากรมยุทธการทหารเป็นเลขานุการ รับผิดชอบกำหนดแนวทางมาตรการเกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือในการรักษาความสงบเรียบร้อย และความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนของทั้งสองประเทศ คณะกรรมการนี้ทำหน้าที่เป็นกลไกระดับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในการดูแลสถานการณ์ชายแดนให้มีความสงบเรียบร้อย
RBC มีแม่ทัพภาคที่ 1 และแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธาน และมีเสนาธิการกองทัพภาคเป็นเลขานุการ ทำหน้าที่กำหนดแนวทางและมาตรการตามนโยบายในแต่ละพื้นที่ โดยเป็นกลไกระดับแม่ทัพภาคที่มีบทบาทสำคัญในการดูแลสถานการณ์ชายแดนให้มีความสงบเรียบร้อย
มีผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้อำนวยการ รับผิดชอบในการอำนวยการ ประสานงาน ควบคุม และกำกับดูแลการปฏิบัติงานของส่วนราชการต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของไทยต่อกัมพูชา
JBC ถือเป็นกลไกหลักในการแก้ไขปัญหา โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน และผู้อำนวยการกองเขตแดน กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศเป็นเลขานุการ
JBC มีหน้าที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ การพิจารณาการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนตลอดแนวให้เป็นไปตามสนธิสัญญา แผนที่ปักปัน และหลักฐานอื่นๆ ที่ได้ตกลงกันไว้ การกำหนดนโยบายและการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาเส้นเขตแดน และการจัดทำแผนที่เส้นเขตแดนที่ได้ทำการสำรวจและปักปันเขตแดนเสร็จเรียบร้อยแล้ว
JC มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเป็นประธาน รับผิดชอบในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วม พิจารณารับรองแผนแม่บทและข้อกำหนดอำนาจหน้าที่ในการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนร่วม
กองกำลังบูรพาเป็นกองกำลังทางบกที่รับผิดชอบตามแนวชายแดน ได้รับภารกิจสำคัญ 3 ประการ คือ การป้องกันชายแดน การรักษาความมั่นคงภายใน และการพัฒนาเพื่อความมั่นคง
เมื่อตรวจพบการละเมิดข้อตกลงของฝ่ายกัมพูชา กองกำลังบูรพาจะดำเนินการตักเตือนด้วยวาจาก่อน จากนั้นจึงเสนอข้อมูลให้จังหวัดสระแก้วเพื่อรวบรวมข้อมูลการละเมิด และรายงานให้กระทรวงมหาดไทยและสภาความมั่นคงแห่งชาติทราบ
การประชุม JBC ในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 ณ ประเทศกัมพูชา จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการแก้ไขปัญหาครั้งนี้ ผลการเจรจาจะส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในระยะยาว หากการประชุมประสบความสำเร็จ จะช่วยลดความตึงเครียดและสร้างแนวทางการปฏิบัติร่วมกันที่ชัดเจนขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากการเจรจาไม่บรรลุผล หรือฝ่ายกัมพูชายังคงยืนยันที่จะใช้กลไกทางศาลหรือฝ่ายที่ 3 มาพิจารณา ก็อาจทำให้ปัญหาบานปลายและส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน รวมถึงการค้าขายและการดำรงชีวิตของประชาชนบริเวณชายแดน
ที่มา : thansettakij
ข่าวที่เกี่ยวข้อง