แม่ทัพภาค 2 เซ็นคำสั่งคุมเข้ม เปิด-ปิด ด่านชายแดนไทย-กัมพูชา 4 จุด ชี้หากปะทะสั่งปิดทันที ด้าน "ฮุน เซน" เตือนไม่ขยายความขัดแย้ง ชี้รัฐบาลไทยต้องรับผิดชอบการปิดด่าน
วานนี้ (7 มิ.ย. 2568) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) ลงนามในคำสั่งกองทัพภาคที่ 2 เรื่อง การควบคุมการเปิด-ปิดจุดผ่านแดนทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พื้นที่รับผิดชอบของกองกําลังสุรนารี
ตามคําสั่งกองทัพบก ที่ 806/2568 เรื่องการควบคุม การเปิด-ปิดจุดผ่านแดน ทุกประเภท ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อความปลอดภัยของประชาชน ให้กองทัพภาคที่ 2 โดย กองกําลังสุรนารี มีอำนาจการควบคุมการเปิด-ปิด จุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบของกอง กําลังสุรนารี วิธีการและเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาที่จําเป็นเหมาะสม ในพื้นที่รับผิดชอบของกองกําลังสุรนารี
เพื่อให้การดำเนินการ เป็นไปตามที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก กองทัพภาคที่ 2 โดยกองกําลังสุรนารี จะกำหนดมาตรการควบคุมการ ปิด-เปิด จุดผ่านแดนทุกประเภทตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณพื้นที่ที่รับผิดชอบของกองกําลังสุรนารี
ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน 2568 เป็นต้นไป
สมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เรียกร้องประชาชนอีกครั้งผ่านโซเชียลมีเดีย ขอไม่ให้ทวีความรุนแรงข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทยไปยังเรื่องอื่นๆ โดยเฉพาะในระดับการสร้างความเกลียดชังทางเชื้อชาติ
ฮุน เซน โพสต์ข้อความดังกล่าวเมื่อคืน หลังจาก Duong Chhay โพสต์ข้อความเรียกร้องให้ทุกคนหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ของไทย
“ก่อนหน้านี้ ผมเห็นว่า Duong Chhay ได้โพสต์ข้อความที่มีเนื้อหาหลักเป็นการเรียกร้องให้หยุดใช้ผลิตภัณฑ์ของไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และผมได้ร้องขอซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า โปรดอย่าทำให้ข้อพิพาทลุกลามไปสู่ภาคส่วนอื่นๆ และปลุกปั่นความเกลียดชังทางชาติพันธุ์” ฮุน เซน ระบุในโพสต์
กองทัพไทยได้ปิดด่านชายแดนปอยเปตก่อนกำหนดเมื่อวันเสาร์ ไทยต้องรับผิดชอบอย่างเต็มที่สำหรับการกระทำนี้ และเตือนพลเมืองกัมพูชา สิ่งสำคัญคือต้องมีสติสัมปชัญญะและหลีกเลี่ยงการยั่วยุให้เกิดเหตุการณ์ใดๆ ขึ้น
“ผมเพียงต้องการเตือนทั้งชาวกัมพูชาและชาวไทยว่า หากสินค้าไทยหายไปจากตลาดกัมพูชา นั่นไม่ใช่เพราะชาวกัมพูชาร่วมกันเลือกคว่ำบาตรสินค้าเหล่านั้น แต่เป็นผลจากการปิดพรมแดน เพราะเมื่อผู้คนถูกปิดกั้น สินค้าก็จะถูกปิดกั้นไปด้วย”
จากสถิติการค้าปี 2024 กัมพูชาส่งออกสินค้าไปไทยมูลค่ามากกว่า 1.1 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยส่งออกไปกัมพูชา 5.2 พันล้านดอลลาร์ นั่นหมายความว่าการส่งออกของไทยเกินดุลกัมพูชามากกว่า 4.1 พันล้านดอลลาร์ และในช่วงห้าเดือนแรกของปีนี้ กัมพูชาส่งออกไปไทยมากกว่า 200 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ไทยนำเข้าจากกัมพูชามากกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
ฮุนเซนย้ำว่า หากสินค้านำเข้าไม่เข้ามาในกัมพูชาอีกต่อไป ประชาชนชาวไทยควรแก้ไขปัญหานี้โดยตรงกับรัฐบาล เพราะประชาชนชาวไทยเองจะเป็นผู้ได้รับผลกระทบมากที่สุด
“สำหรับชาวกัมพูชา หากไม่มีสินค้าของไทยจำหน่าย โปรดอย่าตำหนิรัฐบาลกัมพูชา เพราะการขาดแคลนนี้เป็นผลโดยตรงจากการตัดสินใจของไทยในการปิดพรมแดน ผมขอเรียกร้องให้ชาวกัมพูชาทุกคนมีสติสัมปชัญญะ มีวุฒิภาวะ อดทน และสุภาพ พร้อมกับมีความแน่วแน่ และหลีกเลี่ยงการกระทำใดๆ ที่จะเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติดูหมิ่นศักดิ์ศรีของเรา”