SHORT CUT
กต. ย้ำมาตรการควบคุมชายแดน-ตัดไฟ-ตัดเน็ตยังคงอยู่ หวังประชุม JBC 14 มิ.ย.ช่วยหาข้อยุติอย่างสันติ พร้อมตอบโต้กลับกัมพูชา ลดวีซ่าพำนักจาก 60 วัน เหลือ 7 วัน เท่ากัน
วันที่ 9 มิถุนายน 2568 กระทรวงการต่างประเทศแถลงความคืบหน้าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษก กต. ระบุว่า แม้สถานการณ์เริ่มคลี่คลายลง แต่ไทยยังคงมาตรการควบคุมอย่างเข้มงวดในพื้นที่ที่มีปัญหา
เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน กองกำลังจากทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันตรวจสอบแนวคูเลตร และดำเนินการกลบฝังพื้นที่ตามที่เคยตกลงไว้ พร้อมปรับกำลังทหารกลับไปยังจุดประจำการเดิมตามข้อตกลงปี 2567 ซึ่งฝ่ายไทยมองว่าเป็นสัญญาณบวก แสดงถึงความตั้งใจของกัมพูชาในการลดความตึงเครียด
อย่างไรก็ตาม โฆษก กต. ยืนยันว่า มาตรการเปิด-ปิดด่านชายแดน การตัดกระแสไฟฟ้า และสัญญาณอินเทอร์เน็ตในพื้นที่บ่อนพนัน ยังคงมีผลบังคับใช้อย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมสถานการณ์และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำ
กระทรวงฯ ยังตั้งความหวังว่าการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยเขตแดนไทย-กัมพูชา (JBC) ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ณ กรุงพนมเปญ จะช่วยสร้างความชัดเจนและข้อยุติในประเด็นชายแดน
ทั้งนี้ กลไก JBC ถูกจัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2543 เพื่อหารือด้านเทคนิคเกี่ยวกับการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบก โดยเคยประชุมไปแล้ว 10 ครั้ง (สมัยสามัญ 5 ครั้ง สมัยวิสามัญ 5 ครั้ง) ครั้งล่าสุดจัดขึ้นเมื่อปี 2555 ที่กรุงเทพฯ
“เราหวังว่ากลไกทวิภาคีนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความเข้าใจและความร่วมมือที่ยั่งยืน” — นายนิกรเดช กล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศไทยออกมาตรการตอบโต้ หลังทางการกัมพูชาประกาศลดระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวชาวไทยจาก 60 วัน เหลือเพียง 7 วัน โดยฝ่ายไทยได้ลดระยะเวลาพำนักของนักท่องเที่ยวกัมพูชาลงเหลือ 7 วันเช่นกัน เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายนนี้
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า มาตรการนี้ยังไม่มีกรอบเวลาสิ้นสุด ขึ้นอยู่กับพัฒนาการของสถานการณ์ชายแดนและความคืบหน้าในการเจรจาผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC)
ทั้งนี้ ความตึงเครียดบริเวณชายแดนส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและการค้าชายแดนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้กองกำลังของทั้งสองประเทศจะเริ่มปรับกำลังตามแนวที่ตกลงไว้ร่วมกันเมื่อ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา แต่สถานการณ์ยังถือว่าเปราะบาง
โฆษก กต. ยังขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและประชาชนให้หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ได้รับการยืนยัน เพื่อไม่ให้เกิดความเข้าใจผิดหรือกระพือความขัดแย้งเพิ่มขึ้น