SHORT CUT
“สภากรุงเทพมหานคร” เปิดเวทีดีเบตเยาวชนครั้งแรก! ร่วมถกปัญหาเมือง-ถามตรงผู้นำ หวังสร้างมหานครแห่งอนาคตที่ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ครั้งแรก! สภากรุงเทพมหานคร เปิดเวทีดีเบต ตัวแทนสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ถกปัญหาเมือง-ถามตรงผู้นำสภา กทม. สู่อนาคตกรุงเทพมหานคร ที่ทุกคนมีส่วนร่วม และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
วันที่ 11 มิถุนายน 2568 สภากรุงเทพมหานคร จัดนิทรรศการกรุงเทพมหานคร “มหานครแห่งเอเชีย" โดยช่วงหนึ่งได้เปิดเวทีให้สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครได้มาถามตรงๆ กับคณะผู้บริหารของสภากรุงเทพมหานคร ในชื่อช่วง “สภาแห่งอนาคต มหานครแห่งเอเชีย” นำโดย ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ประธานสภากรุงเทพมหานคร นายวิพุธ ศรีวะอุไร รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่หนึ่ง และนายฉัตรชัย หมอดี รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่สอง โดยมีนายกิตติพงษ์ รวยฟูพันธ์ โฆษกสภากรุงเทพมหานครเป็นผู้นำดำเนินรายการ
นายรัตนชาติ แพงคำ รองประธานสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ถามว่า บทบาทของ กรุงเทพมหานครและฝ่ายบริหารกรุงเทพมหานครแตกต่างกันอย่างไร
ดร.สุรจิตต์ ตอบว่า สิ่งที่เหมือนกันคือพวกเราล้วนมาจากการเลือกตั้งในวันเดียวกันกับฝ่ายบริหาร ส่วนอีกใบเลือกสภากรุงเทพมหานคร แต่ฝ่ายนิติบัญญัติทำหน้าที่เหมือนเป็นตาชั่งเพื่อถ่วงดุลการทำงานฝ่ายบริหาร
ประธานสภากรุงเทพมหานคร ยกตัวอย่าง ฝ่ายบริหารมีเงินในกระเป๋าอยากทำโครงการใดโครงการหนึ่ง ไม่สามารถทำได้ทันที แต่ต้องเขียนโครงการมานำเสนอที่สภา สภาต้องพิจารณาถึงความคุ้มค่าหลักการของงบประมาณเขตและความจำเป็น จึงจะมีการอนุมัติงบงบประมาณได้ สภากรุงเทพมหานครจึงเปรียบเสมือนฝ่ายนิติบัญญัติคอยติดตามตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารรวมถึงงบประมาณผลักดันงบประมาณต่างๆ ที่เสนอโดยฝ่ายบริหาร
สำนักงานเขตสมาชิกแต่ละท่านเป็นตัวแทนของประชาชนในการรับเรื่องราวร้องทุกข์ รวมถึงข้อเสนอแนะต่างๆ นำมาอภิปรายในสภากรุงเทพมหานครโดยมีฝ่ายบริหารเป็นผู้รองรับเรื่องราวต่างๆ เพื่อไปทำโครงการในการแก้ปัญหาให้ประชาชน
วิสัยทัศน์ของสภากรุงเทพมหานครและวิสัยทัศน์ของฝ่ายบริหารไปในทิศทางเดียวกันคือ ให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่น่าอยู่สำหรับทุกคน แก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันเบาลงจนถึงหายไปเลย ตามข้อจำกัดทางงบประมาณ ปัญหาที่อยากแก้ไขคือเรื่องฝุ่น PM 2.5 ผลกระทบโดยภาพกว้าง จัดพื้นที่โซนนิ่งกำหนดมาตรฐานให้รถที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงจะต้องผ่านมาตรฐานสากล
นายอัครพล แสงอรุณ รองประธานสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ในฐานะเยาวชนที่อยู่ในกรุงเทพมหานครพบปัญหาเกี่ยวกับทางเท้าสม่ำเสมอ เคยเดินตกหลุมจนบาดเจ็บ อยากทราบว่าสภากรุงเทพมหานครมีอำนาจหน้าที่หรือบทบาทอย่างไรในการแก้ปัญหานี้
นายวิพุธ ตอบว่า การแก้ไขปัญหาของสภากรุงเทพมหานคร เช่น ปัญหาน้ำท่วม ปัญหาทางเท้า หรือไฟส่องสว่าง การแก้ปัญหาเมืองต้องเข้าใจพฤติกรรมของเมืองและพฤติกรรมของคน ปัญหาทางเท้าอาจจะไม่ได้เกิดจากแค่เรื่องงบประมาณซ่อมหรือปรับปรุงไม่เพียงพอ แต่เราต้องสำรวจว่าต้นเหตุโครงสร้างของมันคืออะไร แม้สภากทม. จะไม่มีหน้าที่โดยตรงในการขุดท่อระบายน้ำซ่อมฟุตบาท หรือซ่อมถนน แต่เราคือกลไกหนึ่งในการช่วยทำงานให้ประชาชนให้สะดวกรวดเร็วและตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น
ในมุมของ ส.ก. พวกเราคือแนวหน้าที่คลุกคลีกับปัญหา นำเรื่องต่างๆ เข้ามาเสนอในสภากรุงเทพมหานครเสนอกระทู้ หรือตั้งคณะกรรมการวิสามัญเฉพาะกิจขึ้นมา รวมไปถึงการพิจารณางบประมาณตัดปรับลดเพื่อให้มั่นใจว่าภาษีทุกบาททุกสตางค์ของประชาชนถูกใช้จ่ายอย่างเหมาะสม
สภา กทม. รุ่นใหม่ มีแนวทางการทำงานแบบ Proactive เน้นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต การใช้ AI คาดการณ์จุดน้ำท่วมซ้ำซากหรือการตรวจจับผู้ฝ่าฝืนกฎจราจร และคาดว่าในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ทางเท้า ของกรุงเทพมหานครจะมีมาตรฐานเป็นสากล ตอบโจทย์ Universal Design
"เราไม่ได้พยายามซ่อมถนนหรือซ่อมทางเท้าแต่พยายามซ่อมความรู้สึกของคน กทม. ด้วย ว่าเวลาเขาเจอปัญหา เขาไม่ถูกทอดทิ้งปล่อยให้อยู่คนเดียว สภา กทม. ไม่ได้นั่งเขียนกฎหมายอยู่ในสภาแต่เรากำลังขับเคลื่อนเมืองด้วยข้อมูลด้วยความโปร่งใสและความจริงใจต่อประชาชน” นายวิพุธ ศรีวะอุไร กล่าว
ต่อมา นางสาวปวริศา ด่านธำรงกูล ผู้บริหารสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ถามว่าในปัจจุบันเด็กและเยาวชนในหลายพื้นที่ของกรุงเทพมหานครเริ่มตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้นและมีการรวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมเพื่อสังคม หรือการยื่นข้อเสนอทางนโยบายผ่านสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร แต่ช่องทางกลไกที่เราจะเข้าถึงการตัดสินใจของภาครัฐยังยากอยู่จึงอยากเรียนถามว่า หากสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครหรือกลุ่มเด็กเยาวชนอื่นๆ มีข้อเสนอเชิงนโยบายที่อยากผลักดัน ทางสภากรุงเทพมหานครมีแนวทางหรือกลไกอย่างไรที่จะรองรับข้อเสนอของเยาวชนให้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาและผลักดันให้เกิดเกิดขึ้นจริงทำให้เด็กและเยาวชนรู้สึกว่าเสียงของเขามีคุณค่า
นายฉัตรชัย กล่าวว่า อยากเน้นย้ำกับน้องๆ เยาวชนทุกท่านว่า เยาวชนไม่ใช่ผู้ฟังแต่เป็นผู้กำหนดอนาคตของเมือง สภากรุงเทพมหานครมีช่องทางเปิดรับข้อเสนอต่างๆ เช่น ในเขตของตน มีการเปิดศูนย์ประสานงานเพื่อรับข้อเสนอจากนักศึกษาที่ร่ำเรียนด้านวิศวกรรมเพื่อช่วยกันออกแบบเมือง เป็นการเติมเต็มในด้านที่ตนไม่ถนัด เด็กและเยาวชนในกรุงเทพมหานครสามารถนำเสนอข้อเสนอต่างๆ ถึง ส.ก. ในเขตต่าง ๆ ได้เลย
นางสาวปวริศา สงสัยว่า ในระบบการปกครองท้องถิ่นของกรุงเทพมหานคร ส.ก. แต่ละคนมีเขตรับผิดชอบของตัวเองซึ่งประชาชนในแต่ละเขตควรจะสามารถแจ้งปัญหาไปยัง ส.ก. แต่ละเขตได้โดยตรง แต่ในบางกรณีหากประชาชนมีข้อสงสัยในเรื่องการทุจริตหรือความไม่ไว้วางใจสามารถแจ้งเรื่องไปยัง ส.ก. เขตอื่นได้ไหม ในทางโครงสร้างของสภากรุงเทพมหานคร แบบนี้จะเป็นการก้าวก่ายอำนาจหรือไม่
นายฉัตรชัย ตอบว่า ประชาชนสามารถส่งเรื่องมายังประธานสภากรุงเทพมหานครได้โดยตรงหรือยื่นเรื่องไปยังทาง ป.ป.ช. ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรงได้
ในช่วงที่สอง นายรัตนชาติ แพงคำ รองประธานสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานคร ถามว่า ประชาชนทุกคนรวมถึงเด็กและเยาวชนอยากเห็นกรุงเทพมหานครพัฒนาได้ดียิ่งขึ้น อยากสอบถามว่าสภากรุงเทพมหานครจะมีบทบาทในการพัฒนากรุงเทพมหานครให้ดีขึ้นได้อย่างไร
ดร.สุรจิตต์ ตอบว่า สภากรุงเทพมหานครเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ เป็นการทำงานเพื่อติดตามตรวจสอบผลักดันนโยบายต่างๆ สิ่งที่สภากรุงเทพมหานครสามารถดำเนินการได้คือ การทำงานควบคู่กับฝ่ายบริหาร สิ่งที่ฝ่ายบริหารเสนอมาก็ออกเป็นกฎหมายร่วมกัน เช่น ข้อบัญญัติการเก็บขยะ ที่จะมีอัตราค่าบริการที่ถูกลงสำหรับผู้ที่มีการคัดแยกขยะ ข้อบัญญัติในการดูแลสุนัขและแมวที่มีผลบังคับใช้ในต้นปีหน้า นี่เป็นตัวอย่างการขับเคลื่อนร่วมกันระหว่างสภากรุงเทพมหานครและฝ่ายบริหาร
ประเด็นในอนาคต เช่น การร่างข้อบัญญัติสวัสดิภาพและสวัสดิการของผู้พิการซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นในกรุงเทพมหานคร นี่เป็นครั้งแรกของประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานครที่จะช่วยผลักดัน ในระดับของกฎหมายท้องถิ่น เพื่อการันตีว่าฝ่ายบริหารไม่ว่าจะเปลี่ยนไปกี่ชุด แต่สวัสดิการและสวัสดิภาพของผู้พิการจะถูกคุ้มครอง และยังมีอีกหลายประเด็นที่ประชาชนสามารถนำเสนอได้
ทั้งนี้ ดร.สุรจิตต์ ตอบว่า เฉพาะสภากรุงเทพมหานครหรือฝ่ายบริหารไม่สามารถดำเนินการให้ฝันของเราสำเร็จไปได้แต่ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย เช่น สภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครก็เช่นกัน หากมีสิ่งใดที่จะนำเสนอเพื่อสร้างให้สภาของเราเป็นสภามหานครของเอเชียก็ต้องช่วยกันนำเสนอและช่วยกันสร้างต่อไป
นายรัตนชาติ แพงคำ ถามว่า เห็นโอกาสอย่างไรที่เปิดให้เสียงของเด็กเยาวชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาเมือง
ดร.สุรจิตต์ พงษ์สิงห์วิทยา ตอบว่า เป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาเมืองของเราให้น่าอยู่เป็นมหานครแห่งเอเชีย หากสภาเด็กและเยาวชนกรุงเทพมหานครมีโอกาสได้นำเสนอไอเดียมากขึ้น ทำให้ภาพของเทคโนโลยีนวัตกรรม มีหลากหลายมากขึ้น
นายอัครพล แสงอรุณ ถามว่า น้องๆ กลุ่ม LGBTQ ถูกกันแกล้งในโรงเรียนและพื้นที่สาธารณะเยอะมาก ในเดือนนี้เป็นเดือนแห่งความหลากหลาย ทางสภากรุงเทพมหานครมีนโยบายหรือกิจกรรมที่จะสร้างให้กรุงเทพมหานครเป็นเมืองที่อบอุ่นความหลากหลายทำให้เป็นเมืองที่มีความสุขมากขึ้น
นายวิพุธ ตอบว่า ปัจจุบันเราเชื่อว่าการเป็นมหานคร ไม่ใช่เพียงการเป็น Smart City หรือ Tourism Destination แต่ต้องเป็นเมืองที่โอบรับคนทุกกลุ่ม เราสนับสนุนให้เปิดพื้นที่อย่างเต็มที่รณรงค์ต่อต้านความรุนแรงทางเพศ และยังมีโครงการอื่นๆ ที่ส่งเสริมความเท่าและลดการเลือกปฏิบัติ
นอกจากนี้ยังรวมถึงการผลักดันข้อบัญญัติในการส่งเสริมคุ้มครองสวัสดิภาพผู้พิการ และการปรับตัวให้กรุงเทพมหานครพร้อมสำหรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมากขึ้น การทำหน้าที่ของสภากรุงเทพมหานครไม่ใช่แค่เพียงฝ่ายนิติบัญญัติแต่เราต้องบริหารวัฒนธรรมความแตกต่างความหลากหลาย เพราะความหลากหลายเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนกรุงเทพมหานคร
คำว่ามหานคร ตนเชื่อว่ามันไม่ใช่เป็นมหานครที่รวบรวมหัวใจอย่างเดียวแต่ต้องเป็นมหานครที่ต้องพร้อมรับสนับสนุนคนทุกกลุ่มทุกเพศทุกวัย ดีใจที่ได้เห็นเยาวชนได้แสดงความคิดเห็น และเชื่อว่าเยาวชนในกรุงเทพมหานครอีกเป็นล้านคนมีศักยภาพอย่างเต็มที่ที่จะแสดงออกจึงอยากเห็นเวทีในลักษณะแบบนี้อีก
นางสาวปวริศา ถามว่า ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แพลตฟอร์มออนไลน์การใช้ AI เริ่มส่งผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบให้กับประชาชน การเป็นเหยื่อข่าวปลอมการถูกหลอกลวงโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบางเด็กเยาวชนผู้สูงอายุ สภากรุงเทพมหานครมีแนวทางพัฒนานโยบายเพิ่มภูมิคุ้มกันดิจิทัล หรือให้คำแนะนำสนับสนุนการรับมือผลกระทบจากเทคโนโลยีอย่างไรโดยเฉพาะในกลุ่มเปราะบาง
นายฉัตรชัย ตอบว่า ในปัจจุบันเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้เราต้องเข้าใจและใช้งานมันให้เป็น เรามีการตั้งคณะกรรมการสามัญด้านเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อรองรับการดิสรัปชั่นทางเศรษฐกิจสังคมและกลุ่มเปราะบาง กรุงเทพมหานครได้มีการวางแนวทางไว้แล้ว กำลังศึกษาและจะมีการเสนอแนวทางเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันเทคโนโลยีกับคนทุกกลุ่มต่อไป
รองประธานสภากรุงเทพมหานคร คนที่สอง กล่าวอีกว่า AI เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของผู้คนอย่างมาก เราทุกคนควรเข้าใจกับมันและไม่ควรวิ่งหนีมันและควรพาคนที่อยู่ข้างหลังเดินหน้าไปพร้อมกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง