แม้กำแพงคุกจะกักขังร่างกาย แต่ไม่อาจพันธนาการเสรีแห่งความคิด จากสอ เสถบุตร กุหลาบ สายประดิษฐ์ จิตร ภูมิศักดิ์ ถึงเสก โลโซ พวกเขาขีดเขียน สร้างสรรค์ และส่งเสียงจากหลังลูกกรง สะท้อนยุคสมัย และความหวังของมนุษย์
เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา “เสกสรรค์ สุขพิมาย” หรือ Sek Loso ศิลปินร็อคแนวหน้าของไทย ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี12 เดือน20 วัน ฐานต่อสู้เจ้าพนักงาน-เสพยา-ปืน ช่วงตำรวจบุกบ้าน เมื่อปี 2560 ปัจจุบันถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรี กรุงเทพมหานคร
กระทั่งเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก เรือนจำพิเศษมีนบุรี ได้โพสต์วิดีโอ เสก โลโซ จับกีตาร์ร้องเพลง “ฉันคือกำลังใจ” สวมเสื้อยืด SEK LOSO ทรงผมเรียบร้อย ภายหลังมีการเปิดเผยว่าเสก โลโซ ใช้เวลาในเรือนจำแต่งเพลงใหม่ได้ทั้งหมด 9 เพลง เนื้อหาเกี่ยวข้องกับการให้กำลังใจผู้ต้องขัง
การสร้างสรรค์ผลงานหลังกำแพงคุกของเสก โลโซ แม้มูลเหตุการถูกจำคุกแตกต่างกัน แต่ชวนให้นึกถึงหลาย ๆ เคสที่เคยเกิดขึ้นในสังคมไทย ไม่ว่าประเทศจะอยู่ในระบอบการปกครองแบบใด ย่อมมีนักคิดนักเขียนหัวก้าวหน้า ที่จะผลิตงานอันท้าทายและสั่นสะเทือนกรอบของสังคมอยู่เสมอ
และเมื่อเขาเหล่านั้น “ล้ำเส้น” จนถึงขั้นที่ “รัฐ" พิจารณาว่าเป็นภัยคุกคาม หนึ่งในจุดหมายปลายทางคือการถูกจองจำอยู่ใน “คุก” ร้ายแรงที่สุดชีวิตอาจสิ้นสุดลงด้วยความตาย ตายดีคือเห็นศพ ตายร้ายคือหายอย่างไร้ร่องรอย
SPRiNG ชวนอ่านเรื่องราวของ “ปัญญาชนไทย” ที่สร้างสรรค์ผลงานขึ้นหลังกำแพงคุก จากยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง สู่ยุคทมิฬมาร จวบจนปัจจุบัน
ในยุคสมัยที่ความรู้ยังถูกสงวนไว้บนหน้าหนังสือ ชื่อ “สอ เสถบุตร” นับว่ามีคุณูปการต่อการศึกษาไทยเป็นอย่างมาก ชีวิตก่อนถูกจับ สอ เสถบุตร เรียนจบเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เป็นนักหนังสือพิมพ์บางกอกการเมือง และได้ขึ้นดำรงตำแหน่งเจ้ากรมกองราชเลขาธิการองคมนตรี (ปี 2473-2474)
ในปี 2476 สอ เสถบุตร ถูกจำคุกตลอดชีวิตด้วยข้อหาสมคบคิดทำใบปลิวโจมตีคณะราษฎร สนับสนุนฝ่ายกบฏบวรเดช เป็นอันต้องติดคุกตลอดชีวิตในเรือนจำบางขวาง แดน 6 ระหว่างนี้ สอ เสถบุตร เกิดความคิดอยากทำปทานุกรมอังกฤษ - ไทย โดยใช้วิธีลักลอบเขียนไม่ให้ผู้คุมจับได้
ช่วงนี้เอง จอมพล ป. พิบูลสงคราม ขึ้นเป็นผู้นำคนใหม่ นักโทษกบฎบวรเดชถูกย้ายไปคุมขังที่เรือนจำบนเกาะตะรุเตา เกาะกลางทะเลอันดามัน สถานที่ห่างไกลผู้คน แม้มีโอกาสหลบหนี แต่ สอ เสถบุตร ตัดสินใจอยู่ที่เรือนจำและเขียนพจนานุกรมจนเสร็จสิ้น
ค้นข้อมูลเพิ่มเติมพบว่า สอ เสถบุตร ตั้งใจเขียนพจนานุกรมเพื่อหาเงินเลี้ยงดูแม่ ถัดมาในปี 2487 รัฐบาลจอมพล ป. หมดอำนาจ จนกระทั่งรัฐไทยมีผู้นำคนใหม่นำโดยนายควง อภัยวงศ์ จากนั้น ได้มีการทำเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษให้เหล่านักโทษการเมือง
20 ตุลาคม 2487 สอ เสถบุตร ในวัย 40 ปี ได้รับอิสรภาพ และสามารถเขียนพจนานุกรมได้อย่างเต็มภาคภูมิ ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกต่อไป สิริรวมแล้ว สอ เสถบุตร ติดคุก 11 ปี
ศีรบูรพา หนึ่งในนามที่สั่นสะเทือนชนชั้นนำไทยมากที่สุด เขาเป็นนักคิด นักเขียน นักหนังสือพิมพ์ และนักสันติภาพ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ได้รับการยกย่องจากยูเนสโก้ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก แน่นอนว่าเขาถูกคุมขังหลายครั้ง และเคยลี้ภัยไปต่างประเทศนานถึง 15 ปี
บทความ ‘ไอ้เสือ’ ของ ‘ศรีบูรพา’ จาก ‘คุก’ สู่ ‘อิสรภาพ’ ของ อาชญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ เล่าว่าคุณกุหลาบต้องคดีความถูกจับคุมขังอยู่ราวสองครั้ง หนแรกคือ โดนจับข้อหากบฎเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2485 ฐานตั้งตนคัดค้านรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม โดยถูกคุมขังอยู่ 84 วันในห้องขังสถานีตำรวจพระราชวัง
หนที่สองคือ ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2495 ข้อหากระทำผิดต่อความมั่นคงต่อรัฐจากกรณีกบฏสันติภาพ หนนี้คุณกุหลายถูกจำคุกนาน 4 ปี 3 เดือน และได้รับอิสรภาพเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2500 คำถามคือ เมื่อนักเขียนหัวก้าวหน้าถูกจำกัดเสรีภาพ คุณกุหลาบจะขีดเขียนอะไรออกมาบ้าง
ช่วงถูกจับครั้งแรก (ปี 2485) คุณกุหลาบเขียนบันทึกส่วนตัว ต่อมาได้นำมาตีพิมพ์รวมเล่มชื่อว่า “บันทึกอิสรชน: ทินกรณ์ของผู้ต้องคุมขังโดยข้อหาว่าเป็นกบฏ” หรือการติดคุกหนที่สอง คุณกุหลายเริ่มเขียนบันทึกในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2495 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2496 ช่วงนี้เอง คุณกุหลาบเขียนบทกวี ‘อาชญกรผู้ปล่อยนกพิราบ’ ใช้นามปากกา ดอกประทุม
5 พฤษภาคม 2509 คือวันที่ “จิตร ภูมิศักดิ์” ถูกล้อมยิงจนเสียชีวิตที่บ้านหนองกุง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นคอมมิวนิสต์ ชีวิตนักเขียนและปัญญาชนคนสำคัญของไทย จบสิ้นลงในวัยเพียง 35 ปี
ชีวิตของ จิตร ภูมิศักดิ์ หรือ “สหายปรีชา” ตกอยู่ในเป้าสายตาของรัฐไทย เมื่อเขาเขียนหนังสือเรื่อง “โฉมหน้าศักดินาไทย” โดยเสนอว่า “ที่ดิน” เป็นทรัพยากรที่ทุกคนต้องแย่งชิงกัน ซึ่งแน่นอนว่าผู้ที่ครอบครองที่ดินส่วนใหญ่ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ล้วนเป็นชนชั้นนำทั้งสิ้น แม้จิตรจะไม่ได้พูดออกมาโต้ง ๆ ก็ตาม
และแน่นอนว่าเมื่อคุณพูดถึง “ที่ดิน” คุณกำลังพูดถึงแนวคิดแบบมาร์กซิสต์ (Marxist) ซึ่งเป็นทฤษฎีเชิงวิพากษ์เกี่ยวกับสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง (แบบซ้ายจัด) อันเป็นรากฐานของลัทธิคอมมิวนิสต์ ที่หลอกหลอนรัฐไทย มาตั้งแต่ยุค 2460 เรื่อยมา
ฉะนั้น ใครก็ตามที่มีแนวคิดแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ จะถูกรัฐไล่ปราบปรามอย่างรุนแรง มีการสั่งการอย่างไร้มนุษยธรรมว่า หากเจอคอมมิวนิสต์ให้ยิงได้เลย ไม่ผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2501 จิตร ภูมิศักดิ์ ถูกจับเข้าคุกข้อหากระทำการอันเป็นคอมมิวนิสต์
จิตรถูกคุมขังหลายที่ เช่น สโมสรตำรวจปทุมวัน, กองปราบปทุมวัน, กองปราบสามยอด ภิรมย์ ภูมิศักดิ์ พี่สาวของจิตร อธิบายว่า “ชนชั้นปัญญาชนคนมีความรู้เขาจับมายัดไว้ในห้องกรงแคบ ๆ อากาศร้อนราวนรก ไม่ได้ออกเดินยืดเส้นยืดสายได้เลย”
ในปี 2507 หลังจากถูกจำคุกที่คุกลาดยาว จิตร ภูมิศักดิ์ ได้รับการปล่อยตัวภายหลังการเสียชีวิตของ “จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ช่วงที่อยู่ในคุก จิตรได้เขียนเพลง “แสงดาวแห่งศรัทธา” สะท้อนการมองโลกในแง่ดี ที่แม้จะถูกจับกุม แต่ก็ยังมองเห็นความหวัง แม้ฟ้ามิดฝนมัว ก็ยังเห็นแสงกระพริบจากดาวดวงน้อย และภายหลังบทเพลงดังกล่าวถูกนำมาขับร้องในสังคมหลอกหลอนชนชั้นนำไทยอยู่ร่ำไป
“ฉัน...คือกำลังใจ กำลังใจหลังกำแพงให้ผู้ต้องขังในเรือนจำมีกำลังใจ มีพลัง มีความหวังในการใช้ชีวิตและมีโอกาสในสังคมต่อไป”
ในอดีตที่ผ่านมา เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ “พี่เสก” ถูกฟ้องร้องหลายครั้ง และจวนจะถูกจำคุกอยู่หลายรอบ แต่ส่วนใหญ่ ศาลก็ให้ประกันตัว และสั่งห้ามออกนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคดีทำร้ายร่างกาย ยาเสพติด รวมถึงพกอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติ
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2568 กานต์ ศุขพิมาย (ภรรยา) เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก “Wiphakorn Karn Sookpimay” ว่า เพิ่งกลับจากเยี่ยมพี่เสกโลโซมา และได้อัปเดตว่า ตอนนี้ เสก โลโซ ได้แต่งเพลงใหม่ทั้งหมด 9 เพลง โดยเนื้อหาหลัก ๆ คือการให้กำลังใจคนในมุมต่าง ๆ ของสังคม
1. ฉันคือกำลังใจ 2. ในวันที่พ่อไม่อยู่ 3. To be number one 4. โคกหนองนา 5. ส่งแรงใจให้ผู้คุม 6. แม่ผู้ยิ่งใหญ่ 7. ขังซอย 8. เลิกยาดีกว่า 9. นักเพลง คุณกานต์ เปิดเผยต่อว่า อีกไม่เกิน 5 วัน เสก โลโซ จะแต่งเพลงให้กับทหารชายแดน
เพลงล่าสุดที่เสก โลโซ ฝากผลงานไว้ก่อนถูกส่งตัวเข้าเรือนจำคือเพลง “กูรักมึง” มีมิวสิควิดีโอให้รับชมแล้ว แม้เส้นทางและบริบททางสังคมของเสก โลโซ จะแตกต่างจากคนก่อน ๆ หน้าที่หยิบยกมาให้่อ่านกัน สิ่งที่มีเหมือนกันคือ การลุกขึ้นมาขีดเขียน สร้างสรรค์ผลงานออกสู่สาธารณะ
นักโทษที่ถูกคุมขังแล้วยังรังสรรค์งานออกมาให้เราได้เชยชมกัน มีอีกหนึ่งคนที่ไม่ได้หยิบมาพูดในวันนี้ เขาคนนั้นเป็นกวี นักคิด นักเขียน เป็น LGBTQ+ และถูกจองจำในคุก จนเขียนงานชั้นยอดออกมาในชื่อ “De Profundis” ที่ใดมีความเศร้า ใช่ ! เรากำลังพูดถึง “ออสการ์ ไวลด์”
นี่เป็นเรื่องราวที่ SPRiNG หยิบมาฝากกัน นี่คือเรื่องราวของ “ปัญญาชนไทย” ขีดเขียนหนังสือ-จับกีตาร์แต่งเพลงหลังกำแพงคุก ไล่มาตั้งแต่ยุคหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง สู่ยุคทมิฬมาร จวบจนปัจจุบัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง