เปิดอำนาจทางการเมืองระดับสูงของกัมพูชา กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ และองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ สร้างผลกำไรที่ผิดกฎหมายมหาศาลผ่านอาชญากรรมไซเบอร์ และการฟอกเงิน
การครองอำนาจยาวนานกว่า 3 ทศวรรษของฮุน เซน ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องการเมือง แต่ยังเป็นรากฐานของอาณาจักรธุรกิจที่สร้างขึ้นโดยครอบครัวและคนใกล้ชิดของเขา เขาใช้อำนาจในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นระบบเพื่อเอื้อให้ญาติพี่น้องสามารถควบคุมหรือถือหุ้นใหญ่ในภาคส่วนสำคัญเกือบทั้งหมดของเศรษฐกิจกัมพูชา
ซึ่งรวมถึงการเงิน พลังงาน สื่อ และการก่อสร้าง 2 สิ่งนี้ได้สร้างระบบ "การควบคุมแบบเบ็ดเสร็จ" (hegemonic control) ที่ผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัวไม่สามารถแยกออกจากรัฐได้ และระบบกฎหมายและการต่อต้านการทุจริตก็ถูกทำให้ไร้ประสิทธิภาพ
การอยู่ในอำนาจที่ยาวนานของเขา ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการกระจายอำนาจและผลประโยชน์อย่างมีกลยุทธ์ไปยังตระกูลชนชั้นนำอื่นๆ ทำให้ระบบ kleptocracy (ระบอบที่ผู้ปกครองใช้อำนาจเพื่อขโมยความมั่งคั่งของชาติ) นี้มีความมั่นคง และเอื้อให้การถ่ายโอนอำนาจไปยังบุตรชายของเขาเป็นไปอย่างราบรื่น
การขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของฮุน มาเนต เป็นการสืบทอดอำนาจภายในราชวงศ์ ไม่ใช่การเปลี่ยนผ่านทางประชาธิปไตย ซึ่งเป็นการรับประกันความต่อเนื่องของโครงสร้างอำนาจของครอบครัว 1 ในขณะที่วาระงานที่เปิดเผยต่อสาธารณะของเขามุ่งเน้นไปที่การทูตเชิงเศรษฐกิจและการดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ถูกกฎหมายจากพันธมิตรอย่างฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้
รัฐบาลของเขายังคงดูแลเศรษฐกิจนอกกฎหมายขนาดใหญ่ที่ก่อตั้งขึ้นในสมัยของบิดา ประวัติทางการทหารที่กว้างขวางของเขา รวมถึงการบัญชาการหน่วยอารักขานายกรัฐมนตรีและหน่วยปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายแห่งชาติ ทำให้กลไกความมั่นคงของรัฐอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างมั่นคง ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องการดำเนินงานของเครือข่าย
ฮุน โต หลานชายของฮุน เซน และลูกพี่ลูกน้องของฮุน มาเนต ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมที่สำคัญระหว่างชนชั้นนำทางการเมืองและกลไกทางการเงินหลักของเครือข่าย เป็นผู้ปฏิบัติการโดยตรง โดยดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่ในองค์กรสำคัญๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Huione Group 9 บทบาทของเขาเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการหลอมรวมอำนาจทางการเมืองเข้ากับองค์กรอาชญากรรม วิถีชีวิตที่หรูหราของเขา
การสืบสวนของ Kharon และ FinCEN ระบุอย่างชัดเจนว่าฮุน โต เป็นกรรมการของบริษัทในเครือ Huione Group อย่างน้อยสองแห่ง 10 การสืบสวนของตำรวจไซเบอร์ไทยยังได้ติดตามเส้นทางการเงินจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทยไปจนถึง Huione Group โดยตรง และกำลังตรวจสอบความเชื่อมโยงกับฮุน โต
การถ่ายโอนอำนาจจากฮุน เซน ไปยังฮุน มาเนต ไม่ใช่เพียงเรื่องของมรดกทางครอบครัว แต่เป็นกลยุทธ์เพื่อลดความเสี่ยงและรักษาอาณาจักรเศรษฐกิจนอกกฎหมาย การมีผู้สืบทอดที่ได้รับการศึกษาจากตะวันตกอย่างฮุน มาเนต ช่วยสร้างภาพลักษณ์ของความชอบธรรมและความทันสมัยที่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจจากการทุจริตที่ฝังรากลึกได้
Huione Group คือหัวใจทางการเงินของเครือข่ายอาชญากรรมนี้ ดำเนินการในลักษณะ "ร้านค้าครบวงจร" สำหรับอาชญากรข้ามชาติ โดยนำเสนอบริการที่ครบวงจรสำหรับการฟอกเงินที่ได้มาโดยมิชอบ 1 บริษัทในเครือ ได้แก่ Huione Pay (บริการชำระเงิน), Huione Crypto (ผู้ให้บริการสินทรัพย์เสมือน หรือ VASP), และ Haowang Guarantee (ตลาดมืดออนไลน์) สร้างระบบวงจรปิดเพื่อฟอกเงินจากการโจรกรรมทางไซเบอร์, แก๊ง Pig Butchering Scams, และอาชญากรรมอื่นๆ
โดย FinCEN ระบุว่ามีการฟอกเงินที่ผิดกฎหมายอย่างน้อย 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ระหว่างปี 2021 ถึง 2025 และการประเมินอื่นๆ ชี้ว่าปริมาณธุรกรรมทั้งหมดอาจสูงถึง 2.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในเดือนพฤษภาคม 2025 เครือข่ายปราบปรามอาชญากรรมทางการเงินของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้ประกาศให้ Huione Group เป็นสถาบันการเงินต่างประเทศที่น่ากังวลด้านการฟอกเงินเป็นพิเศษ" โดยมีเป้าหมายที่จะตัดการเข้าถึงระบบการเงินของสหรัฐฯ ของ Huione อย่างสิ้นเชิง
โดยการห้ามธนาคารในสหรัฐฯ ไม่ให้เปิดหรือดูแลบัญชีตัวแทน ให้กับบริษัท 8 การดำเนินการนี้มีขึ้นจากบทบาทของบริษัทในการฟอกเงินให้กับแฮกเกอร์เกาหลีเหนือและองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงการขาดการควบคุม AML/KYC ที่มีความหมายโดยสิ้นเชิง
การสืบสวนพบว่า Huione ได้ฟอกเงินอย่างน้อย 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการโจรกรรมทางไซเบอร์ของเกาหลีเหนือ, 36 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากแก๊ง Pig Butchering Scams, และ 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากอาชญากรรมไซเบอร์อื่นๆ 8 ตำรวจไทยยังยืนยันว่าเส้นทางการเงินจากคดีการพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ส่วนใหญ่ในไทยนำไปสู่ Huione Group 27 และกลุ่มบริษัทนี้มีความเชื่อมโยงโดยตรงกับฮุน โต
Prince Holding Group ซึ่งนำโดยประธาน เฉิน จื้อ เป็นตัวอย่างของกลยุทธ์เครือข่ายที่ใช้ภาพลักษณ์ของธุรกิจที่ถูกกฎหมายและความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (CSR) เพื่อปกปิดการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางอาญาที่ถูกกล่าวหา ในที่สาธารณะ เฉิน จื้อ ได้รับการยกย่องให้เป็น "ผู้ประกอบการแห่งปี" และนักการกุศล โดยกลุ่มบริษัทของเขาลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และให้การสนับสนุนทุนการศึกษา 31 อย่างไรก็ตาม เบื้องหลังภาพลักษณ์ที่สวยงามนี้ กลุ่มบริษัทนี้ถูกระบุว่าเป็น "เครือข่ายธุรกิจจีนที่ทรงอิทธิพล" และเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรครัฐบาลกัมพูชา 1 นอกจากนี้ยังเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในกาสิโนจินเป่ย (Jin Bei Casino) และตัวเฉิน จื้อ เองก็เป็นที่ปรึกษาให้กับทั้งฮุน เซน และฮุน มาเนต 1
กลุ่มบริษัทนี้ถูกกล่าวหาว่าพัวพันกับอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งรวมถึงการฟอกเงิน ปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ 11 การสืบสวนของ RFA และรายงานขององค์กรคลังสมองในสหรัฐฯ กล่าวหาว่ามีความเกี่ยวข้อง
ลี ยง พัด (Ly Yong Phat) วุฒิสมาชิกและเจ้าสัว ที่ปรึกษาส่วนตัวของฮุน เซน เป็นเจ้าของ L.Y.P. Group กลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีผลประโยชน์ในธุรกิจกาสิโน การท่องเที่ยว และยาสูบ ธุรกิจของเขามีความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในเดือนกันยายน 2024 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ใช้มาตรการคว่ำบาตรภายใต้กฎหมาย Global Magnitsky Act ต่อลี ยง พัด จากการมีส่วนร่วมโดยตรงใน "การละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติต่อแรงงานที่ถูกบังคับใช้แรงงานในปฏิบัติการหลอกลวงให้ลงทุนออนไลน์" ธุรกิจของเขา
คิธ เมง เจ้าสัวผู้ทรงอิทธิพลอีกคนหนึ่งที่ได้รับยศ "ออกญา" เป็นเจ้าของ Royal Group หนึ่งในกลุ่มบริษัทที่มีความหลากหลายและทรงอิทธิพลที่สุดของกัมพูชา มีผลประโยชน์ในธุรกิจโทรคมนาคม, สื่อ , การธนาคาร , และอสังหาริมทรัพย์ เขาเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดของฮุน เซน และทำหน้าที่เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ของระบอบการปกครอง
องค์กรเหล่านี้ไม่ใช่เพียงบริษัทที่เป็นมิตรกับรัฐบาล แต่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญของโครงสร้างอำนาจและการเงินของรัฐ ความสัมพันธ์นี้เป็นแบบพึ่งพาอาศัยกัน
ท่อส่งฟอกเงิน
การนำเงินเข้าระบบ (Placement)
การสร้างความซับซ้อน (Layering)
การนำเงินกลับมาใช้ (Integration)
สหรัฐอเมริกาได้ใช้ยุทธศาสตร์แบบบูรณาการของรัฐบาลเพื่อโจมตีเครือข่ายจากหลายมุม
อ้างอิงข้อมูล nationthailand , bangkokpost , rfa.org , nknews , fincen.gov , kiripost
ข่าวที่เกี่ยวข้อง