ปากีสถานเสนอชื่อทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ พร้อมยกย่อง 'ความเป็นผู้นำที่โดดเด่น' ซึ่งรวมถึงการแทรกแซงทางการทูตที่เด็ดขาดเพื่อยุติความขัดแย้ง
ปากีสถานได้เสนอชื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ให้เป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอย่างเป็นทางการ โดยอ้างถึง "การแทรกแซงทางการทูตที่เด็ดขาด" ของเขาภายหลังเหตุรุนแรงระหว่างอินเดียและปากีสถานที่เพิ่มสูงขึ้นเมื่อต้นปีนี้ ซึ่งนำไปสู่การโจมตีข้ามพรมแดนนานหลายวันส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก และก่อให้เกิดความกลัวว่าจะเกิดสงครามในวงกว้าง
ต่อมาอินเดียและปากีสถานได้ตกลงสงบศึกในวันที่ 8 พฤษภาคม โดยมีสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยสถานการณ์
รัฐบาลปากีสถานระบุในแถลงการณ์เมื่อวันเสาร์ว่า ในช่วงเวลาที่ภูมิภาคมีความปั่นป่วนรุนแรงมากขึ้น ประธานาธิบดีทรัมป์ได้แสดงให้เห็นถึงการมองการณ์ไกลทางยุทธศาสตร์ที่ยอดเยี่ยมและความเป็นผู้นำที่โดดเด่น ผ่านการมีส่วนร่วมทางการทูตที่แข็งแกร่งทั้งกับปากีสถานและอินเดีย ทั้งยังช่วยหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างสองประเทศที่มีอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อประชาชนหลายล้านคนทั่วภูมิภาค
"การแทรกแซงครั้งนี้ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงบทบาทของเขาในฐานะผู้สร้างสันติภาพที่แท้จริงและความมุ่งมั่นของเขาในการแก้ไขข้อขัดแย้งผ่านการเจรจา"
ในขณะเดียวกัน แม้ปากีสถานจะให้ความสำคัญต่อการเป็นคนกลางของทรัมป์ แต่รัฐบาลอินเดียกลับแทบไม่ให้ความสำคัญในประเด็นดังกล่าว โดยพยายามตีความข้อตกลงหยุดยิงว่าเป็น "ชัยชนะ" จากการที่เพื่อนบ้านอย่างปากีสถานให้ความร่วมมือในการสงบศึกโดยตรง
ขณะที่ผู้เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ สามารถถูกเสนอชื่อได้อย่างอิสระผ่านสถาบัน องค์กร หรือบุคคลที่มีสิทธิเสนอชื่อ แต่สุดท้ายแล้วคณะกรรมการโนเบลแห่งนอร์เวย์จะเป็นผู้ตัดสินผู้ชนะรางวัลในแต่ละปี
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีทรัมป์ดูเหมือนจะไม่ได้คาดหวังต่อรางวัลนี้ หลังโพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียของตนเองว่า เขาน่าจะไม่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพจากการหยุดสงครามระหว่างอินเดียกับปากีสถาน รวมถึงรัสเซีย/ยูเครน และอิสราเอล/อิหร่าน ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เพราะไม่มีใครยอมรับความสำเร็จดังกล่าว