SHORT CUT
“ศึกษิษฎ์” ชู Entertainment Complex ไม่ใช่แค่คาสิโน แต่คือเมืองแห่งความบันเทิง นวัตกรรม และโอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ของไทย
ท่ามกลางการถกเถียงเกี่ยวกับอนาคตของโครงการ “Entertainment Complex” หรือ “สถานบันเทิงครบวงจร” ในไทย หนึ่งในเสียงสำคัญที่แสดงทิศทางอย่างชัดเจนคือ นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งระบุว่า โครงการนี้ไม่ใช่การเปิดบ่อนเสรี แต่คือ “แอสเซตใหม่ของเศรษฐกิจไทย” ที่ขับเคลื่อนด้วยความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และการควบคุมอย่างเข้มงวด
บนเวทีเสวนา "Entertainment Complex: ทางเลือกใหม่เศรษฐกิจ หรือความเสี่ยงของสังคม?" เมื่อวันที่ 24 มิ.ย. 2568 นายศึกษิษฎ์ย้ำชัดว่า ไทยจะไม่เปิด “บ่อนเสรี” ไม่เอาคาสิโนออนไลน์ และไม่สนับสนุนการพนันไร้ขอบเขต แต่จะยึดแนวทางแบบสิงคโปร์ ที่จำกัดใบอนุญาต เปิดให้เอกชนลงทุนเต็มที่ ขณะที่รัฐทำหน้าที่กำกับ ควบคุม และจัดเก็บภาษีอย่างเข้มงวด
คาดว่ามูลค่าการลงทุนรวมจะสูงถึง 100,000–300,000 ล้านบาท โดยไม่ใช้เงินภาครัฐ แต่ผลตอบแทนจะสะท้อนผ่านรายได้ภาษี การจ้างงาน และการเติบโตของเศรษฐกิจในวงกว้าง
Entertainment Complex ที่รัฐบาลผลักดันจะเป็นมากกว่าคาสิโน แต่คือ “เมืองแห่งประสบการณ์” ที่รวมคอนเสิร์ตระดับนานาชาติ ศูนย์ประชุมระดับโลก สวนสนุก โรงแรมหรู ร้านอาหารระดับโลก พื้นที่ค้าปลีก พิพิธภัณฑ์นวัตกรรม และศูนย์สตาร์ทอัพ เพื่อให้ไทยกลายเป็น “man-made destination” ที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือน
นายศึกษิษฎ์ระบุว่า โครงการนี้จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวได้ถึง 20% ต่อปี สร้างรายได้กว่า 200,000 ล้านบาท/ปี และช่วยผลักดัน GDP โตขึ้นอีก 1–2% พร้อมสร้างงานครอบคลุมทั้งแรงงานทั่วไปและแรงงานทักษะสูง
รัฐบาลจะใช้กลไก “Earmark” กำหนดให้รายได้จากภาษีและใบอนุญาตถูกส่งคืนสู่สังคม ผ่านการศึกษา การวิจัย การเยียวยาปัญหาการพนัน และการลงทุนในบริการสาธารณะ หาก กมธ. เสนอมาตรการเพิ่ม รัฐบาลพร้อมบรรจุไว้ในกฎหมาย
“ถ้าเราไม่สร้าง man-made destination รายได้จากการท่องเที่ยวจะหยุดนิ่ง เราไม่ได้ต้องการแค่ที่เล่น แต่ต้องการพื้นที่ประสบการณ์ระดับโลกที่คนไทยเข้าถึงได้ และเด็กไทยได้เรียนรู้ เติบโตเป็นพลเมืองโลก” นายศึกษิษฎ์ทิ้งท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง