ครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน จัดงานใหญ่ขอนแก่น ตอกย้ำมิตรภาพสู่ทศวรรษใหม่

กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย ณ จ.ขอนแก่น ได้มีการจัดงานเฉลิมฉลองครั้งยิ่งใหญ่ในวาระครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสาธารณรัฐประชาชนจีนและประเทศไทย โดยสถานกงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ณ จ.ขอนแก่น เป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนาครั้งสำคัญนี้ ที่โรงแรมอวานี ขอนแก่น เพื่อย้อนรำลึกถึงประวัติศาสตร์มิตรภาพอันยาวนาน และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์เพื่ออนาคตความร่วมมือระหว่างสองประเทศ

งานนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญมากมาย อาทิ นางหลิว หง เหมย กงสุลใหญ่สาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย ณ จ.ขอนแก่น, นายกร ทัพพะรังสี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและนายกสมาคมมิตรภาพไทย-จีน, นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์และมุกดาหาร ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ผู้บริหารหอการค้า สภาอุตสาหกรรม และผู้แทนจากภาครัฐและเอกชนกว่า 20 จังหวัดในภาคอีสาน เข้าร่วมงานอย่างพร้อมเพรียง

50 ปีแห่งความผูกพัน จากการเริ่มต้น สู่ “ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน”

นางหลิว หง เหมย กงสุลใหญ่จีนฯ กล่าวขอบคุณมิตรสหายทุกสาขาอาชีพที่ร่วมสนับสนุนความสัมพันธ์ฉันมิตรระหว่างจีนและไทย โดยย้อนรำลึกถึงการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์ของผู้นำในอดีตอย่าง ประธานเหมา เจ๋อตง, นายกฯ โจว เอินไหล และ ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่นำไปสู่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2518

“ตลอด 50 ปีที่ผ่านมา แม้โลกจะผันผวน แต่ความสัมพันธ์จีน-ไทย ยังคงมั่นคงและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง” นางหลิวกล่าว พร้อมเสริมว่า “แม้สองประเทศจะมีระบบการปกครองที่แตกต่างกัน แต่เรายังคงเข้าใจ ให้เกียรติ และเคารพในจุดยืนของกันและกัน ยืนหยัดเคียงข้างกันในทุกประเด็นสำคัญ รวมถึงการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาประเทศของตนเอง”

ในปี 2565 การเยือนประเทศไทยของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้นำมาซึ่งข้อตกลงสำคัญในการผลักดันการสร้าง "ประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย ที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน" ซึ่งถือเป็นการเปิดประตูสู่ยุคใหม่ของความสัมพันธ์ โดยมีผู้นำระดับสูงและความไว้วางใจเชิงยุทธศาสตร์เป็นรากฐานที่มั่นคง

มิตรภาพที่แข็งแกร่งยามวิกฤต

ความสัมพันธ์จีน-ไทย ไม่ได้เป็นเพียงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ แต่ยังหยั่งรากลึกในประเพณี "ร่วมทุกข์ร่วมสุข" ในช่วงวิกฤตการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเงินในเอเชีย, สึนามิ, แผ่นดินไหว หรือโควิด-19 ทั้งสองประเทศต่างยื่นมือช่วยเหลือกันอย่างจริงใจและเต็มกำลัง ยกตัวอย่างเหตุการณ์รถบัสครูและนักเรียนไทยไฟไหม้เมื่อปลายปีที่แล้ว จีนเร่งจัดหายารักษาอาการแผลไฟไหม้และส่งมอบให้ไทยอย่างรวดเร็ว พิสูจน์ให้เห็นถึง "น้ำใจแท้" ที่ยิ่งทวีความงดงามและลึกซึ้งยิ่งขึ้นหลังผ่านพ้นอุปสรรค

การเติบโตทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรม ยิ่งแน่นแฟ้น ยิ่งก้าวหน้า

นางหลิว หง เหมย ยังได้เน้นย้ำถึงความก้าวหน้าทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น จากมูลค่าการค้าเพียง 140 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2521 พุ่งทะลุ 133.98 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567 ทำให้จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของไทย เป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรที่ใหญ่ที่สุด 12 ปีซ้อน รวมถึงเป็นแหล่งเงินลงทุนและแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สำคัญที่สุด

"จีนและไทยต่างเสริมสร้างความเชื่อมโยงด้านยุทธศาสตร์การพัฒนา ผลักดันความร่วมมือในเศรษฐกิจสีเขียว, อุตสาหกรรมดิจิทัล, และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง" เธอกล่าวเสริม โดยมีผู้ประกอบการจีนนับหมื่นเข้ามาลงทุนในไทย มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาอุตสาหกรรมและยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย

ในด้านวัฒนธรรมและผู้คน "จีนไทยใช่อื่นไกลพี่น้องกัน" ยังคงได้รับการสืบสานอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีนักศึกษาไทยและจีนมากกว่า 30,000 คนกำลังศึกษาอยู่ในสองประเทศ กระแสเรียนภาษาจีนในไทยยังคงร้อนแรง มีโรงเรียนกว่า 3,000 แห่งสอนภาษาจีน มีนักเรียนกว่าหนึ่งล้านคนเรียนภาษาจีน

ภาพยนตร์และละครชั้นนำของทั้งสองประเทศก็ได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น "บุพเพสันนิวาส" และ "หลานม่า" ในจีน หรือภาพยนตร์ "นาจา 2" ที่จุดกระแสเทพปกรณัมตะวันออกในไทย และที่สำคัญ การเข้าสู่ "ยุคฟรีวีซ่า" ระหว่างจีนและไทย ได้ผลักดันการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศสู่จุดสูงสุด ทำให้ความใกล้ชิดและผูกพันยิ่งแน่นแฟ้น

ก้าวสู่ 50 ปีทองแห่งมิตรภาพ แผนกิจกรรมเฉลิมฉลองในภาคอีสาน

นางหลิว หง เหมย ย้ำว่า ความสัมพันธ์จีน-ไทย เป็นภาพสะท้อนของการทูตแบบ "รอบบ้าน" ของจีน ภายใต้แนวคิดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ที่เน้น "ให้เกียรติ จริงใจ เอื้อประโยชน์ และเปิดกว้าง" การครบรอบ 50 ปีนี้ จึงเป็นหมุดหมายสำคัญ โดยได้กำหนดให้ปีนี้เป็น "50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย" ด้วยคำขวัญร่วมกันว่า "จีนไทยร่วมใจ ชะตาร่วมกัน" พร้อมตราสัญลักษณ์พิเศษ "มังกรจีน-พญานาคไทย" สื่อถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นดั่งญาติพี่น้อง

เพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษนี้ สถานกงสุลใหญ่จีนฯ ได้วางแผนกิจกรรมอย่างยิ่งใหญ่ในหลายมิติ

• เศรษฐกิจและการค้า: จัดประชุมส่งเสริมโลจิสติกส์และการท่องเที่ยวตามแนวเส้นทางรถไฟจีน-ลาว-ไทย ในเดือนสิงหาคม เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคอีสาน
• วัฒนธรรม: จัดแข่งขันปิงปองเฉลิมฉลองวันชาติจีน (เดือน ต.ค.) และเทศกาลภาพยนตร์ภายในปีนี้
• เยาวชน: เชิญนักเรียนผู้ชนะการแข่งขันภาษาจีนจากภาคอีสานไปเยือนยูนนาน (พ.ค. ที่ผ่านมา), จัดแข่งขันทักษะภาษาและวัฒนธรรมจีนระดับอุดมศึกษา และสนับสนุนการแข่งขันของโรงเรียนเอกชนที่สอนภาษาจีน ภายใต้โครงการ "ทุนการศึกษากงสุลใหญ่"

นอกจากนี้ จังหวัดต่างๆ ในภาคอีสาน เช่น อุบลราชธานีและนครราชสีมา ก็กำลังร่วมจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองอย่างหลากหลาย สะท้อนถึงการสนับสนุนและความปรารถนาดีของประชาชนในภูมิภาคต่อมิตรภาพจีน-ไทยอย่างชัดเจน

"ดิฉันเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างจีน-ไทยจะได้รับการสืบสานและพัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในอีก 50 ปีข้างหน้า ซึ่งจะเต็มเปี่ยมด้วยคุณค่าและความหมายมากยิ่งขึ้น" นางหลิวกล่าวทิ้งท้าย

จีนและไทยจะยังคงเสริมสร้างและขยายความสัมพันธ์ทวิภาคีในทุกมิติอย่างต่อเนื่อง โดยมีการแลกเปลี่ยนและเจรจาระดับสูงอย่างใกล้ชิด ทั้งการเสด็จเยือนจีนของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และการเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีจีน ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความไว้วางใจทางยุทธศาสตร์ และผลักดันความร่วมมือด้านโครงสร้างพื้นฐาน, การพัฒนาสีเขียว, เศรษฐกิจดิจิทัล, พลังงานใหม่ และปัญญาประดิษฐ์ ให้เป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ในการพัฒนาความร่วมมือ เพื่อสร้างความเข้าใจและความผูกพันระหว่างประชาชน และกระชับความร่วมมือพหุภาคีในระดับภูมิภาค เพื่อร่วมส่งเสริมสันติภาพและการพัฒนาทั้งในภูมิภาคและของโลกใบนี้.