SHORT CUT
รายงาน "Landmine Monitor 2024" ฉบับล่าสุดในปี 2024 เผยให้เห็นจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากทุ่นระเบิดทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น
แม้โลกตอนนี้จะทันสมัยและก้าวเข้าสู่ยุค AI แล้ว แต่ยังมีอีกปัญหาหนึ่งที่คั่งค้าง หมักหมม มานาน เมื่อรายงาน "Landmine Monitor 2024" ฉบับล่าสุดในปี 2024 เผยให้เห็นจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจากทุ่นระเบิดทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น ปัญหานี้ยังมีอยู่ในทั่วโลก โดยเฉพาะในเมียนมาที่สถานการณ์เลวร้ายที่สุดเป็นประวัติการณ์ สวนทางกับความคืบหน้าในการเก็บกู้และความช่วยเหลือทางการเงินที่ทุบสถิติสูงสุด แต่กลับกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่ขัดแย้งเพียงไม่กี่แห่ง
รายงานประจำปีฉบับที่ 26 จากองค์กรรณรงค์เพื่อการห้ามทุ่นระเบิดระหว่างประเทศ (ICBL) ซึ่งเผยแพร่ก่อนการประชุมทบทวนสนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดครั้งที่ 5 ได้ฉายภาพความขัดแย้งที่น่าเศร้าของความพยายามด้านมนุษยธรรมในยุคปัจจุบัน
ในปี 2023 โลกได้บันทึกจำนวนผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดและยุทโธปกรณ์ที่ระเบิดได้จากสงครามไว้อย่างน้อย 5,757 คน ตัวเลขนี้สะท้อนถึงวิกฤตที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีข้อมูลที่น่าตกใจคือ:
พลเรือนตกเป็นเป้า: 84% ของผู้ประสบเหตุทั้งหมดเป็นพลเรือนผู้บริสุทธิ์
อนาคตของชาติถูกคุกคาม: มากกว่าหนึ่งในสามของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตที่เป็นพลเรือนคือ "เด็ก"
เป็นครั้งแรกที่ เมียนมา ก้าวขึ้นมาเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตรายปีสูงที่สุดในโลก ด้วยตัวเลขถึง 1,003 คน แซงหน้าพื้นที่ขัดแย้งที่ยาวนานอย่าง ซีเรีย (933 คน) และ อัฟกานิสถาน (651 คน) ขณะที่สงครามใน ยูเครน ส่งผลให้มีผู้ประสบเหตุ 580 คน
เมียนมา: 1,003 คน
ซีเรีย: 933 คน
อัฟกานิสถาน: 651 คน
ยูเครน: 580 คน
เยเมน: 499 คน
ไนจีเรีย: 343 คน
บูร์กินาฟาโซ: 308 คน
มาลี: 174 คน
เอธิโอเปีย: 106 คน
อิรัก: 102 คน
สถานการณ์เลวร้ายลงจากการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นโดยกองทัพเมียนมาและรัสเซีย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การที่รัสเซียซึ่งไม่ได้เป็นรัฐภาคีของสนธิสัญญาฯ ได้วางทุ่นระเบิดอย่างกว้างขวางในดินแดนของยูเครนซึ่งเป็นรัฐภาคี ถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน นอกจากนี้ ยังพบการใช้ทุ่นระเบิดใหม่โดยอิหร่านและเกาหลีเหนือ รวมถึงการใช้ทุ่นระเบิดแสวงเครื่องโดยกลุ่มติดอาวุธในโคลอมเบีย, อินเดีย, ปากีสถาน, ปาเลสไตน์ (ฉนวนกาซา) และที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าเป็นห่วงในภูมิภาคซาเฮลของแอฟริกา
แม้ภาพรวมจะน่ากังวล แต่ก็ยังมีความก้าวหน้าที่สำคัญในปี 2023 รัฐภาคี 33 ประเทศสามารถกวาดล้างพื้นที่ปนเปื้อนทุ่นระเบิดได้สำเร็จถึง 281.5 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ถูกเก็บกู้ได้มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019
เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เงินทุนสนับสนุนกิจกรรมด้านทุ่นระเบิดทั่วโลกทะลุหลัก 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 12% จากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นนี้มีเบื้องหลังที่น่ากังวล
.
เงินทุนส่วนใหญ่ถูกส่งไปช่วยเหลือ ยูเครน ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนระหว่างประเทศมากถึง 308.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 สิ่งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศที่เผชิญวิกฤตมายาวนานอย่าง อัฟกานิสถานและเยเมน ซึ่งกำลังเผชิญกับการลดลงของเงินทุนสนับสนุนอย่างมีนัยสำคัญ ส่งผลให้โครงการช่วยเหลือเหยื่อ การฟื้นฟูสมรรถภาพ และบริการด้านสุขภาพยังคงขาดแคลนงบประมาณอย่างหนัก
.
ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำว่าประชาคมระหว่างประเทศต้องแสดงความมุ่งมั่นที่จะจัดหาบริการที่เหมาะสมและเข้าถึงได้สำหรับเหยื่อทุกคน ไม่ใช่แค่ในพื้นที่ที่เป็นจุดสนใจของสื่อ
แม้จะมีความก้าวหน้าในการเก็บกู้ แต่กัมพูชา ประเทศที่มีชายแดนติดกับไทย ยังคงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผลกระทบระยะยาวจากทุ่นระเบิด นับตั้งแต่ปี 1979 กับดักมรณะเหล่านี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 65,000 คน และทำให้มีผู้พิการจากการถูกตัดอวัยวะมากกว่า 9,000 คน
แม้สงครามจะสิ้นสุดไปนานกว่า 3 ทศวรรษ แต่ในปี 2024 นี้ ยังคงมีรายงานผู้บาดเจ็บจากทุ่นระเบิดถึง 49 ราย พื้นที่เสี่ยงส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา หรือที่รู้จักกันในชื่อ "แนวป้องกัน K5" ที่ยาวถึง 750 กิโลเมตร
รายงาน Landmine Monitor 2024 คือเสียงเตือนที่ดังก้องว่า ตราบใดที่ยังมีรัฐผู้ผลิตและใช้งานทุ่นระเบิด ตราบใดที่ความช่วยเหลือยังไม่ถูกกระจายอย่างเท่าเทียม และตราบใดที่สนธิสัญญาห้ามทุ่นระเบิดยังไม่ถูกบังคับใช้อย่างสมบูรณ์ทั่วโลก ความทุกข์ทรมานจากอาวุธที่ไร้มนุษยธรรมนี้จะยังคงดำเนินต่อไป สร้างบาดแผลให้กับคนรุ่นแล้วรุ่นเล่า
ที่มา : the-monitor halotrust.org undp