SHORT CUT
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF มอบเงิน 1.2 ล้าน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ช่วยเหลือทหารเหยียบกับระเบิด จากการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนที่ช่องบก ชายแดนไทย–กัมพูชา จ.อุบลราชธานี
บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF นำโดย นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดในขณะปฏิบัติภารกิจออกลาดตระเวนเพื่อปกป้องอธิปไตยพื้นที่ช่องบก ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.อุบลราชธานี จำนวน 3 ราย ได้แก่ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ที่ได้รับบาดเจ็บและสูญเสียขา รวมถึง ส.อ.ปฏิพัทธิ์ ศรีลาศักดิ์ และ พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม ที่ได้รับบาดเจ็บจากกรณีดังกล่าว รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1.2 ล้านบาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้เหล่าทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ และเสียสละต่อประเทศชาติ โดยมี พลตรีอัครพนธ์ มูลประดับ ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 22 และ พันเอกสละ ทัพถาวร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ให้การต้อนรับ ณ โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี
นายสิตมน รัตนาวะดี ผู้ช่วยรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากการติดตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ผมรู้สึกเห็นใจเหล่าพี่ ๆ ทหารแนวหน้าเป็นอย่างมาก หลายท่านเป็นหัวหน้าครอบครัว และมีคนที่รักรออยู่ข้างหลัง ซึ่งผมเข้าใจสถานการณ์เหล่านี้ดี เพราะคุณปู่ของผมก็เป็นทหารเช่นกัน และในวันนี้ได้มีโอกาสมาเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมพูดคุยกับครอบครัวของพวกเขา ในฐานะคนไทยด้วยกัน ผมรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือคนละไม้คนละมือ แม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม นอกจากนี้ ในระหว่างการมาเยี่ยมครั้งนี้ ยังได้รับทราบว่าโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี ยังคงขาดแคลนเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงาน เนื่องจากโรงพยาบาลต้องเตรียมความพร้อมตลอดเวลา เพื่อรองรับกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บ หรือจากสถานการณ์ตามแนวชายแดนที่เกิดขึ้น”
นอกจากนี้ที่ผ่านมา “ไทยคม” และ “AIS” บริษัทในกลุ่มของ GULF ยังได้ร่วมสนับสนุนภารกิจป้องกันชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อช่วยเสริมความมั่นคงการสื่อสารในพื้นที่ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่ห่างไกล ด้วยการให้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงผ่านระบบดาวเทียมของไทยคม สำหรับศูนย์ปฏิบัติการตามแนวชายแดน และสำหรับหน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่ และได้ขยายสัญญาณ 4G/5G เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการสื่อสารให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดน เป็นการเสริมประสิทธิภาพในการประสานงานและติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์อีกด้วย