ส่องความเป็นมากว่า 40 ปี ก๊าซธรรมชาติ ขับเคลื่อนชีวิตและเศรษฐกิจไทย
ก๊าซธรรมชาติ หนึ่งในเชื้อเพลิงฟอสซิลที่สะอาดที่สุด ที่ขับเคลื่อนชีวิตและเศรษฐกิจไทยมากว่า 4 ทศวรรษ ตั้งแต่เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า โรงงานอุตสาหกรรมและในรถยนต์ นอกจากนั้น ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทย เป็น Wet Gas ที่สามารถนำมาแยกองค์ประกอบที่สำคัญสามารถนำมาผลิตเป็นก๊าซหุงต้มในครัวเรือน และสารตั้งต้นในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้ทัดเทียมภูมิภาค
แต่ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คงจะเป็นไปไม่ได้เลยหากขาดโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงานที่สำคัญอย่างระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ และโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ต่อเนื่องไปจนถึงธุรกิจปิโตรเคมี อุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่ และซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ วันนี้จะพาไปดูวิวัฒนาการจากอดีตจนมาถึงปัจจุบันที่ทำให้ก๊าซธรรมชาติก้าวขึ้นมาเป็นพลังงานหลักของประเทศ ช่วยลดมลภาวะทางอากาศ เสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับประชาชน ยกระดับความมั่นคงทางพลังงานของชาติอย่างยั่งยืน และสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
การเจาะสำรวจปิโตรเลียมในประเทศไทยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2464 แต่เพิ่งมาดำเนินการอย่างกว้างขวางเมื่อรัฐบาลตัดสินใจให้สัมปทานการสำรวจปิโตรเลียมในบริเวณอ่าวไทยเมื่อปี 2510 พร้อมทั้งประกาศใช้พระราชบัญญัติปิโตรเลียม 2514 และสามารถผลิตก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยขึ้นมาใช้ได้ในปี 2524 สาเหตุที่ต้องเร่งสำรวจเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์น้ำมันโลก ซึ่งขณะนั้นเรานำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเป็นหลัก จึงทำให้เกิดการขาดแคลนในประเทศ รวมถึงราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นมากอย่างต่อเนื่อง ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาก๊าซธรรมชาติในประเทศเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว เนื่องจากแหล่งผลิตและผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติไม่ได้อยู่ในบริเวณเดียวกัน จึงต้องอาศัยวิธีการขนส่งด้วยท่อส่งก๊าซธรรมชาติเพราะเป็นระบบที่สามารถนำก๊าซธรรมชาติไปสู่มือผู้บริโภคได้อย่างปลอดภัยและต่อเนื่อง เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด และที่สำคัญคือแยกออกจากการขนส่งมวลชนโดยเด็ดขาด ในวันที่ 19 มิถุนายน 2522 การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือ ปตท. ได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการวางท่อส่งก๊าซธรรมชาติในทะเลเส้นแรกจากแหล่งเอราวัณมาขึ้นฝั่งที่บ้านหนองแฟบ ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง
โดยมีระยะทางยาว 425 กิโลเมตร ซึ่งนับเป็นท่อส่งก๊าซใต้ทะเลที่ยาวที่สุดในโลกในขณะนั้น เพื่อนำก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยไปยังโรงไฟฟ้าและผู้ใช้ก๊าซธรรมชาติบนบก และมีสถานีรับก๊าซธรรมชาติห่างจากท่อส่งก๊าซฯ ขึ้นฝั่ง 6 กิโลเมตร และเป็นบริเวณโรงแยกก๊าซฯ ในระยะต่อมา สำหรับท่อส่งก๊าซฯ บนบกมีระยะทาง 170 กิโลเมตร วางต่อจากบริเวณสถานีรับก๊าซฯ ถึงโรงไฟฟ้าบางปะกง และโรงไฟฟ้าพระนครใต้ สามารถเริ่มทำการส่งก๊าซฯ ได้ตั้งแต่ 9 กันยายน 2524
จากนั้นวันที่ 12 กันยายน 2524 เปลวไฟแห่งความโชติช่วงชัชวาลได้เริ่มขึ้น เมื่อ…พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานประกอบพิธีเปิดวาล์วส่งก๊าซธรรมชาติ ณ สถานีส่งก๊าซฯ ชายฝั่งของ ปตท. หลังจากนั้นการใช้ประโยชน์จากก๊าซธรรมชาติก็ได้พัฒนาขึ้นตามมา โรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่ตามแนวท่อ ได้ทยอยเปลี่ยนมาใช้ก๊าซธรรมชาติทดแทนเชื้อเพลิงอื่น
และนับเป็นโชคดีของประเทศไทย ที่ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยเป็นก๊าซเปียก ที่มีไฮโดรคาร์บอนเป็นองค์ประกอบอยู่หลายชนิด อาทิ อีเทน โพรเพน บิวเทน ซึ่งก๊าซเหล่านี้สามารถนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมปิโตรเคมีได้มากมาย นอกเหนือจากการนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงเพียงอย่างเดียว เมื่อนำมาแยกส่วนประกอบของสารไฮโดรคาร์บอนที่มีคุณค่าเหล่านี้ออกจาก๊าซธรรมชาติ โดยผ่านกระบวนการของโรงแยกก๊าซธรรมชาติ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยให้ได้คุณค่าสูงสุด และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาอุตสาหกรรมปิโตรเคมีในประเทศ โครงการก่อสร้างโรงแยกก๊าซฯหน่วยที่ 1 จึงได้เริ่มต้นในปี 2525 และเริ่มเปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2528
ปัจจุบันระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท. เปรียบเสมือนเส้นเลือดใหญ่ที่ส่งพลังงานหล่อเลี้ยงประเทศ มีความยาวรวม 4,568 กิโลเมตร ประกอบด้วยท่อส่งก๊าซในทะเล ความยาวประมาณ 2,133 กิโลเมตร และท่อส่งก๊าซบนบกความยาวประมาณ 2,435 กิโลเมตร (ข้อมูล ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567) ที่วางท่อครอบคลุมพื้นที่ใช้งานหลัก และยังมีโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. ที่ดำเนินภารกิจในการปรับปรุงคุณภาพก๊าซธรรมชาติจากแหล่งก๊าซในอ่าวไทยเพื่อส่งไปเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้าและโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตก๊าซหุงต้มไว้ใช้ภายในประเทศ เพื่อลดค่าใช้จ่าย สร้างความมั่นคงทางพลังงาน และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับปิโตรเคมี
กว่า 4 ทศวรรษของก๊าซธรรมชาติที่ร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทย เกิดจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางพลังงาน เป็นทั้งงานใหญ่และยากยิ่งกว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมใดในอดีต และใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาลนับแสนล้านบาท ที่ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่เป็นผลจากการวางแผนอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นตอนและรอบคอบ การผลักดันอย่างต่อเนื่อง และความสามารถในการประคับประคองให้ผ่านพ้นความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและอุตสาหกรรมพลังงานมาได้อย่างมั่นคงกว่า 40 ปี