SHORT CUT
ทรัมป์ ประกาศข้อตกลงการค้าใหม่กับญี่ปุ่น ซึ่งอ้างว่าเป็น "ข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุด" โดยสหรัฐฯ จะเก็บภาษีตอบโต้ 15% ฝั่งฟิลิปปินส์โดนเรียกเก็บภาษี 19% แลกกับการเปิดตลาดเสรีให้สินค้าสหรัฐฯ เข้าประเทศโดยไม่เสียภาษี
วันที่ 23 กรกฎาคม 2568 สำนักข่าว CNN รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ประกาศข้อตกลงการค้าที่รอคอยมานานกับญี่ปุ่นเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา ทรัมป์กล่าวบน Truth Social ว่า
เราเพิ่งบรรลุข้อตกลงครั้งใหญ่กับญี่ปุ่น บางทีอาจเป็นข้อตกลงที่ใหญ่ที่สุดที่เคยมีมา
โดยกำหนดอัตราภาษีศุลกากร “แบบตอบโต้” 15% สำหรับสินค้าส่งออกของญี่ปุ่นไปยังสหรัฐฯ ขณะที่ญี่ปุ่นจะลงทุนในสหรัฐฯ มูลค่า 550,000 ล้านดอลลาร์ ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่าสหรัฐฯ จะได้รับผลกำไร 90% โดยไม่ได้ระบุว่าการลงทุนดังกล่าวจะดำเนินการอย่างไร หรือจะคำนวณผลกำไรอย่างไร ทั้งนี้ ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดของข้อตกลงอย่างเป็นทางการ
ข้อตกลงการค้านี้จะสร้างงานหลายแสนตำแหน่ง ที่สำคัญที่สุด ญี่ปุ่นจะเปิดประเทศเพื่อการค้า รวมถึงรถยนต์และรถบรรทุก ข้าว และผลิตผลทางการเกษตรบางชนิด ตลอดจนสินค้าอื่นๆ ญี่ปุ่นจะจ่ายภาษีตอบโต้แก่สหรัฐฯ ในอัตรา 15%
ข้อตกลงกับญี่ปุ่นนี้ถือเป็นข่าวด้านการค้าชิ้นที่ 3 ที่ทรัมป์ประกาศในวันอังคาร โดยเกิดขึ้นหลังจากการเจรจาหลายเดือนกับคู่ค้ารายสำคัญอย่าง สหภาพยุโรป เกาหลีใต้ อินเดีย และประเทศอื่นๆ อีกหลายสิบชาติที่หยุดชะงักลง ขณะที่กำหนดเส้นตาย 1 สิงหาคมของทรัมป์ในการขึ้นภาษีรอบใหม่ใกล้เข้ามา
ญี่ปุ่นตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก เพราะจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด และฝ่ายบริหารของทรัมป์พยายามกดดันชาติพันธมิตรให้ลดระดับการค้ากับจีนเพื่อแลกกับการได้ข้อตกลงกับสหรัฐฯ ตามรายงานจากหลายแหล่ง
ข้อตกลงล่าสุดระหว่างสหรัฐฯ กับญี่ปุ่นนี้เกิดขึ้นต่อเนื่องจากข้อตกลงการค้าฉบับขยายที่สองประเทศลงนามกันเมื่อปี 2019 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในปีถัดมา และเปิดทางให้มีการส่งสินค้าเพิ่มเติมโดยไม่เสียภาษี
อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นอาจยังถือไพ่เหนือสหรัฐฯ อยู่บางส่วนในข้อตกลงทางการค้านี้ เนื่องจากเป็นเจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ โดยถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มูลค่า 1.1 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกนำมาใช้ในการจัดหาเงินทุนสำหรับหนี้ของสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าสูงและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำนักข่าว CNN รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เเห่งสหรัฐ กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาและประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งฟิลิปปินส์ ได้บรรลุข้อตกลงทางการค้า
ทรัมป์ยังได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของข้อตกลงกับอินโดนีเซียด้วย โดยข้อตกลงทั้งสองฉบับกำหนดให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 19% สำหรับสินค้าที่สหรัฐฯ นำเข้าจากทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นภาษีที่ธุรกิจอเมริกันต้องจ่าย ขณะที่สินค้าของสหรัฐฯ ที่ส่งออกไปยังประเทศเหล่านั้นจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี
การประกาศของทรัมป์เกี่ยวกับข้อตกลงกับฟิลิปปินส์มีขึ้นหลังจากเขาพบกับประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอังคาร
ข้อตกลงกับฟิลิปปินส์นับเป็นฉบับที่ 5 ภายในระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมา ยังไม่มีรายละเอียดใหม่เกี่ยวกับข้อตกลงที่ทรัมป์ประกาศกับเวียดนามเมื่อต้นเดือนนี้ และเจ้าหน้าที่รัฐบาลยังไม่ได้เปิดเผยสาเหตุว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น
CNN รายงานว่า ข้อตกลงดังกล่าวถือว่าไม่ปกติ เนื่องจากประเทศอื่นๆ ที่ทรัมป์อ้างว่าได้บรรลุข้อตกลงด้วยนั้นมีอัตราภาษีที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับระดับที่ขู่ว่าจะบังคับใช้ในเดือนเมษายน ขณะเดียวกัน สินค้าจากฟิลิปปินส์ถูกเก็บภาษีขั้นต่ำที่ 17% ในเดือนเมษายน ก่อนที่ทรัมป์จะระงับมาตรการเหล่านั้น เมื่อต้นเดือนนี้ เเละขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษี 20% สำหรับสินค้าจากฟิลิปปินส์ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม
สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์มูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ อาหารแปรรูป เครื่องจักร และเครื่องนุ่งห่ม ขณะที่สหรัฐฯ ส่งออกสินค้าไปยังฟิลิปปินส์มูลค่า 9,000 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่งออกหลัก ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และอาหารแปรรูป
ที่มา : Donald J. Trump
ข่าวที่เกี่ยวข้อง