svasdssvasds

“คดีน้องเมย” ธำรงวินัยพรากชีวิต แต่คนทำผิดโทษแค่ "รอลงอาญา"

“คดีน้องเมย” ธำรงวินัยพรากชีวิต แต่คนทำผิดโทษแค่ "รอลงอาญา"

แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ชื่อของ "น้องเมย" ยังชัดเจนในใจคนไทย การตายอย่างมีเงื่อนงำในรั้วเตรียมทหารจุดกระแสวิจารณ์หนักถึงระบบวินัยที่ใช้ความรุนแรง เมื่อศาลตัดสินให้จำเลยรอลงอาญา แม้พิพากษาว่าผิดจริง

SHORT CUT

  • คดีการเสียชีวิตของ “น้องเมย” นักเรียนเตรียมทหาร มีสาเหตุมาจากการถูกลงโทษทางวินัย (ซ่อมวินัย) ที่รุนแรงเกินขอบเขตโดยรุ่นพี่
  • ศาลพิพากษาว่าผู้กระทำผิดมีความผิดฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
  • ผู้กระทำผิดได้รับโทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน แต่ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี และปรับ 15,000 บาท
  • ครอบครัวและสังคมตั้งคำถามถึงความยุติธรรม โดยมองว่าบทลงโทษเบาเกินไปเมื่อเทียบกับชีวิตที่ต้องสูญเสียไป

แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ชื่อของ "น้องเมย" ยังชัดเจนในใจคนไทย การตายอย่างมีเงื่อนงำในรั้วเตรียมทหารจุดกระแสวิจารณ์หนักถึงระบบวินัยที่ใช้ความรุนแรง เมื่อศาลตัดสินให้จำเลยรอลงอาญา แม้พิพากษาว่าผิดจริง

แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี แต่ชื่อของ "น้องเมย" นักเรียนเตรียมทหารภคพงศ์ ตัญกาญจน์ ยังคงเป็นภาพจำในความทรงจำของสังคมไทย

การเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำในรั้วโรงเรียนเตรียมทหารในปี 2560 จุดกระแสคำถามใหญ่ถึงระบบวินัย ทัศนคติ และความยุติธรรมในหน่วยงานที่ควรเป็นแบบอย่าง

เมื่อคดีเดินมาถึงจุดสิ้นสุด ผู้เกี่ยวข้องถูกลงโทษด้วยการ จำคุก 4 เดือน 16 วัน ให้รอลงอาญา 2 ปี เสียงสะท้อนจากสังคมกลับดังกว่าครั้งใด

ซ่อมวินัย “ชีวิตคนหนึ่งถูกพรากไป แต่คนผิดกลับไม่ติดคุกสักวัน” คือประโยคที่สะท้อนความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่ได้ชัดเจน

สังคมตั้งคำถาม บทลงโทษนี้ "สมเหตุสมผล" หรือ "อ่อนเกินไป" ?

ชีวิตของ "น้องเมย" จบลงด้วยการฝึกที่รุนแรงเกินพอดี ข้อเท็จจริงจากคดีระบุว่า มีการกระทำรุนแรงโดยรุ่นพี่ในลักษณะของ การซ่อมวินัยเกินขอบเขต ส่งผลให้ร่างกายและหัวใจของน้องเมยล้มเหลวในที่สุด

ศาลวินิจฉัยว่าผิดจริง แต่โทษเบาเกินรับได้

แม้จำเลยจะถูกพิพากษาว่ากระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่ด้วยเหตุผลด้านพฤติกรรม ความร่วมมือ และสถานะ ศาลจึงให้ โทษจำคุก 4 เดือน 16 วัน ให้รอลงอาญา 2 ปี ปรับ 15,000 บาท

สังคมมองว่า แม้การรอลงอาญาจะอยู่ในกรอบกฎหมาย แต่ในเชิงจริยธรรมและความรู้สึกกลับเป็นการ "ปล่อยผ่าน" ความรุนแรงโดยไม่ลงโทษอย่างจริงจัง

 

เสียงครอบครัว ความเจ็บปวดที่ไม่เคยหาย

ครอบครัวของน้องเมย โดยเฉพาะพ่อแม่และพี่สาว ยังคงเดินหน้าทวงความยุติธรรมอย่างไม่ลดละ
ไม่ใช่เพียงเพื่อครอบครัวตัวเอง แต่เพื่อเปลี่ยนแปลงระบบที่อาจพรากลูกของใครอีกหลายคนในอนาคต
เสียงของพวกเขาคือเสียงแทนใจของสังคมที่ต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลง ที่มากกว่าเพียง "รำลึก" หรือ "ขอโทษ"

ความยุติธรรม = ความรู้สึก + ความจริง

คดีน้องเมยไม่ใช่แค่คดีของคนๆ เดียว แต่คือกระจกสะท้อนถึงวัฒนธรรมความรุนแรงในระบบปิด
แม้กระบวนการยุติธรรมจะเดินตามหลักกฎหมาย แต่มิติของความรู้สึก ความเหมาะสม และคุณค่าของชีวิต ก็เป็นสิ่งที่กฎหมายต้องไม่มองข้าม

หากโทษของการกระทำที่ทำให้คนตายยังเบาเพียงนี้ แล้วเราจะปกป้องชีวิตของคนรุ่นต่อไปได้อย่างไร?

ศาลตัดสิน แต่พ่อแม่ยังเหมือนถูกลงโทษ

ในสายตาของครอบครัว “ตัญกาญจน์” การตัดสินของศาลอาจเสมือน คำตัดสินซ้ำสอง เพราะถึงแม้กฎหมายจะให้ความเป็นธรรมตามกรอบ แต่ในชีวิตจริง พ่อแม่ต้องทนทุกข์กับการสูญเสียลูกชายเพียงคนเดียว

พวกเขาสู้มานานหลายปี ตั้งแต่ร้องขอความจริง การชันสูตรพลิกศพ ไปจนถึงกระบวนการยุติธรรม โดยหวังว่าจะมีคนรับผิดชอบกับชีวิตหนึ่งชีวิตอย่างแท้จริง

แต่สุดท้ายกลับจบลงที่ “รอลงอาญา” กับค่าปรับไม่ถึงค่าหลุมศพ

คดีน้องเมย คือเรื่องของความสูญเสีย ความเจ็บปวด และความกล้าหาญของครอบครัวที่ลุกขึ้นเรียกร้องความจริง แต่เมื่อคำตัดสินออกมาในลักษณะนี้ สิ่งที่เหลืออยู่คือคำถามว่า ในประเทศไทย ความยุติธรรมวัดด้วยกฎหมาย หรือวัดจากความรู้สึกของคนที่สูญเสีย

และเมื่อ “ความยุติธรรม” ทำให้คนเจ็บหนักกว่า “ความสูญเสีย” เอง คำตอบนั้นอาจสะท้อนว่า เราต้องกล้าตั้งคำถามกับระบบมากกว่าที่เคย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related