SHORT CUT
ประธานาธิบดีทรัมป์ ของสหรัฐฯ ทำให้เกิดความวุ่นวายทั่วโลก หลังการประกาศอัตราดอกเบี้ยต่อประเทศคู่ค้าตั้งแต่ 10% ถึง 50% กำลังจะมีผลในสัปดาห์หน้า
ผู้นำจากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก กำลังเผชิญการแข่งขันครั้งใหม่ในการบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดกระแสความวุ่นวาย ด้วยการประกาศอัตราภาษีศุลกากรใหม่ที่รุนแรง ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ภายใน 7 วัน
แม้ทรัมป์เชื่อมั่นว่าอัตราใหม่นี้จะเป็นประโยชน์ต่อธุรกิจส่งออกของสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดความกังวลต่อผลลัพท์ที่ไม่แน่นอนในหลายสิบประเทศ รวมถึงพันธมิตรเก่าแก่ของสหรัฐฯ เอง และอัตราภาษีนี้ยังอาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม หลายประเทศยังมองเห็นความหวังที่จะเจรจาเพื่อขอผ่อนผันเล็กน้อย หลังจากที่ทำเนียบขาวกล่าวว่าภาษีที่ประกาศใหม่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 8 สิงหาคม ห่างออกไปอีก 7 วันนับจากเส้นตายเดินที่ทรัมป์กำหนดไว้
สวิตเซอร์แลนด์และไต้หวันซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปรายใหญ่ กำลังเร่งเจรจาข้อตกลง หลังสวิตเซอร์แลนด์โดนอัตราภาษีสูงถึง 39% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่สูงที่สุดในโลก ส่วนไต้หวันโดนที่ 20% ซึ่งแม้จะน้อยกว่า แต่รัฐบาลมองว่ายังอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อการค้าของประเทศ
รัฐบาลแคนาดาแสดงความผิดหวังอย่างชัดเจน หลังทรัมป์เพิ่มอัตราภาษีนำเข้าจาก 25% เป็น 35% โดยให้เหตุผลว่าแคนาดาล้มเหลวในการปราบปรามสารเฟนทานิลและการรักษาความปลอดภัยที่ชายแดน
ผู้นำแอฟริกาใต้กล่าวว่า เขาจะเร่งเจรจาอย่างแข็งกร้าวและหนักแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดภาษีนำเข้าสินค้าที่สูงถึง 30%
ขณะที่หลายประเทศที่ยากจนและกำลังประสบปัญหา กลับยังต้องถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่รุนแรง เช่น ซีเรีย เผชิญกับภาษี 41% ลาวและเมียนมาร์ 40% ลิเบีย 30% อิรัก 35% และศรีลังกา 20%
ส่วนกัมพูชาดูเหมือนจะใกล้บรรลุข้อตกลงได้แล้ว หลังประกาศว่าจะยกเลิกภาษีนำเข้าทั้งหมดจากสหรัฐฯ และสั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 มากถึง 20 ลำ