SHORT CUT
แน่นอนว่าความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ไม่รู้ว่าจะไปในทิศทางไหน แม้ว่าการสู้รบจะหยุดไปในช่วงนี้ แต่ธุรกิจไทย’ จับตาใกล้ชิด ปมกัมพูชาแบนสินค้าไทย-เรียกแรงงานกลับ
ศึกสู้รบชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาขณะนี้ได้สงบลงไปแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะสงบแบบถาวร หรือว่าชั่วคราว ยังคงต้องจับตาต่อไปอย่างใกล้ชิด แต่…ศึกเรื่องการแบนสินค้าไทย และการเรียกแรงงานกัมพูชากับบ้านเกิดยังมีต่อเนื่อง ดังนั้นภาคธุรกิจไทยจำเป็นอย่างยิ่งต้องมีการเตรียมรับมือ และปรับแผนธุรกิจเพื่อให้รับมือได้ทัน โดยที่ผ่านมาพบว่ากัมพูชาร้องแบนสินค้าไทย อ้างไทยดูแลแรงงานกัมพูชาที่อยู่ในประเทศไม่ดี
อย่างล่าสุด นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ. ทก.) เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงานและการฝึกอาชีพของกัมพูชา เผยแพร่จดหมายเปิดผนึก เรียกร้องบรรดาผู้ซื้อและผู้บริโภคนานาชาติ ให้แบนสินค้าและบริการของไทย โดยอ้างว่าไทยไม่ดูแล แรงงานกัมพูชา พร้อมยังกล่าวหาว่ามีการกดขี่ข่มเหงด้วย
นายจิรายุ ย้ำว่า ไทยไม่เคยปฏิบัติกับคนกัมพูชาอย่างที่ถูกกล่าวหา และเชื่อว่ามีแต่จะดูแลดีกว่าเดิม เช่น ให้อยู่ทำงานต่อได้โดยไม่ต้องออกไปตีตราที่บัตรผ่านแดน ทั้งการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ด้านการแพทย์ นายจ้างหรือผู้ทำงานกับคนกัมพูชาในจังหวัดต่างๆก็อยู่ร่วมกันด้วยความมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอด
ส่วนสินค้าเมดอินกัมพูชาทั้งเสื้อผ้า และอื่นๆ โดยเฉพาะส่วนประกอบทางอุตสาหกรรม และชิ้นส่วนต่างๆ ผู้ผลิตไทยก็ไม่มีประกาศแบนเนื่องจากทราบดีว่าคนกัมพูชาที่เคยไปมาหาสู่ และทำงานในไทยเป็นล้านๆ คนไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลกัมพูชา
ส่วนภาคธุรกิจขนาดใหญ่ของไทยที่เข้าไปทำธุรกิจในกัมพูชาก็ยังคงต้องจับตาฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด อย่างเช่น SCG นำโดย นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า เอสซีจีกำลังติดตามสถานการณ์ในกัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยผลกระทบในปัจจุบันยังไม่มากนักแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ยังไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการดำเนินงานของ SCG ในกัมพูชา
ด้านการดูแลพนักงานในกัมพูชา SCG ให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยและการสนับสนุนพนักงาน โดยเน้นย้ำถึงความพยายามในการช่วยเหลือพนักงานที่ได้รับผลกระทบโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง โดยยังคงชูจุดแข็งของ SCG ในอาเซียน การมีฐานการผลิตและการลงทุนในกลุ่มประเทศอาเซียนถือเป็นจุดแข็งที่จะช่วยให้สามารถปรับตัวและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจได้
อย่างไรก็ตาม SCG ยังคงมุ่งมั่นในการลงทุนในประเทศไทย แต่จะปรับกลยุทธ์การส่งออกและการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงด้านภาษี โดยใช้จุดแข็งที่มีอยู่ในภูมิภาคอาเซียน และให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานในทุกพื้นที่ที่เข้าไปลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์ที่อาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก
ส่วนกระแสที่แรงงานกัมพูชานับหมื่นเร่งเดินทางกลับประเทศผ่านด่านชายแดนภาคตะวันออก หลังจากที่ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เตือนว่าผู้ที่ไม่กลับอาจถูกยึดที่ดินและเสียสัญชาติ ทำให้หลายคนจำใจเดินทางกลับ แม้ไม่แน่ใจว่าจะมีงานหรือรายได้เทียบเท่ากับในประเทศไทยหรือไม่ แต่แรงงานก็เลือกที่จะกลับประเทศไปก่อน เรื่องงานอาจกระทบต่อภาคธุรกิจไทยที่ต้องพึ่งพาแรงงานจากกัมพูชา
หากถามว่าแล้วแรงงานกัมพูชามีความสำคัญกับอุตสาหกรรม และภาคธุรกิจไหนในไทยมากที่สุด คำตอบคือ ? จากข้อมูลจาก กระทรวงแรงงาน และ องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) , องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ระบุว่า แรงงานกัมพูชาเข้ามาทำงานในไทยมากสุด ตามรายละเอียดดังนี้
โดยแรงงานกัมพูชาจำนวนมากทำงานในเรือประมง โรงงานแปรรูปอาหารทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น สมุทรสาคร ระยอง ตราด
ทั้งนี้แรงงานกัมพูชาจะเข้ามาทำงานใช้แรงงานเข้มข้น เช่น ก่ออิฐ ฉาบปูน ยกของ พบมากในเขตเมืองใหญ่ เช่น กรุงเทพฯ และปริมณฑล
เช่น ทำไร่ ทำนา เก็บเกี่ยว ยางพารา ปาล์มน้ำมัน พบในภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคกลาง
เช่น ทำงานบ้าน พนักงานล้างจาน เสิร์ฟอาหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ท่องเที่ยว อย่าง พัทยา ภูเก็ต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แรงงานกัมพูชา เลือกอยู่ไทยต่อ เพราะมั่นคงกว่า ไทยรับมือยังไง หากฮุนเซนดึงกำลังเดินทางไป!มาตุภูมิ
ฮุน มาเนต สั่งเตรียมอพยพแรงงานกัมพูชาจากไทย ลั่น พร้อมช่วยเหลือ
ธุรกิจไทยในกัมพูชา 5 หมื่นล้านบาท เริ่มผวา! หากข้อพิพาทลากยาว