SHORT CUT
ทรัมป์ลงนามยืดระยะเวลาการระงับภาษีนำเข้าจากจีนอีก 90 วัน ก่อนข้อตกลงเดิมหมดอายุ หวังหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงจากสงครามการค้า
เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหารเพื่อเลื่อนการเรียกเก็บภาษีศุลกากรจีนออกไปอีก 90 วัน โดยเป็นการประกาศที่เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่กำหนดการของข้อตกลงครั้งล่าสุดจะหมดอายุลง ทำให้ข้อตกลงใหม่ครั้งนี้ถูกขยายออกไปจนถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน
ขณะที่จีนกำลังคาดหวังว่าสหรัฐฯ จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลลัพธ์ทางการค้าที่ "เป็นบวก" และกระทรวงพาณิชย์ของจีนออกแถลงการณ์เมื่อเช้าวันอังคารว่า จีนจะระงับภาษีศุลกากรเพิ่มเติมสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ เป็นเวลาอีก 90 วันเช่นกัน โดยจะยังคงเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ ไว้ที่ 10%
แถลงการณ์ยังระบุถึงความคาดหวังที่สหรัฐฯ จะร่วมมือกับจีน เพื่อปฏิบัติตามฉันทามติสำคัญที่บรรลุระหว่างการโทรศัพท์หารือระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ และมุ่งมั่นสู่ผลลัพธ์เชิงบวกบนพื้นฐานของความเท่าเทียม ความเคารพ และการได้รับผลประโยชน์ร่วมกัน
ขณะที่ทรัมป์คาดหวังว่าจีนควรเพิ่มการซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เป็นสี่เท่า เพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน
ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความวิตกว่าหากทั้งสองประเทศไม่สามารถบรรลุข้อตกลงได้ จะนำไปสู่ผลกระทบที่ร้ายแรง เมื่อทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้าจากจีนสูงถึง 245% ขณะที่จีนขู่ว่าจะเก็บภาษีตอบโต้ถึง 125% ก่อให้เกิดสงครามการค้าระหว่างประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่สุดของโลก
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางสหรัฐฯ และนักเศรษฐศาสตร์หลายคนโต้แย้งว่าการกำหนดกำแพงภาษีศุลกากรนี้ จะผลักดันให้ราคาสินค้าในสหรัฐฯ สูงขึ้น ผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้แบกรับต้นทุนภาษีศุลกากรไปแล้ว 22% จนถึงเดือนมิถุนายน 2568 และคาดว่าสัดส่วนนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 67% หากภาษีศุลกากรล่าสุดยังคงดำเนินตามรูปแบบเดิม
ก่อนถึงกำหนดเส้นตายภาษีศุลกากร ผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Nvidia และ AMD ยังตกลงที่จะจ่ายเงินให้รัฐบาลสหรัฐฯ 15 เปอร์เซ็นต์ของรายได้จากชิปขั้นสูงที่ขายให้กับจีนเพื่อแลกกับใบอนุญาตส่งออกไปยังตลาด ซึ่งผู้เชี่ยวชาญมองว่าหากบริษัทสหรัฐฯ ต้องจ่ายเงินให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อขออนุญาตส่งออก ก็หมายความว่าเราก็ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีแต่อันตรายรออยู่ในอนาคต