SHORT CUT
ปี 2570 คนไทยทุกคนต้องยื่นภาษี แม้รายได้ไม่ถึงเกณฑ์ เพื่อรับสวัสดิการรัฐผ่านระบบ Negative Income Tax ที่จะจ่ายเงินชดเชยให้ผู้มีรายได้น้อย
กระทรวงการคลัง ประกาศเดินหน้านโยบาย "ภาษีเงินได้ติดลบ" (Negative Income Tax) โดยตั้งเป้าเริ่มใช้ในปี พ.ศ. 2570 ซึ่งจะส่งผลให้คนไทยทุกคนมีหน้าที่ต้อง "ยื่นแบบแสดงรายการภาษี" แม้จะมีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ต้องเสียภาษีก็ตาม
แนวคิดหลักของนโยบายนี้ คือการใช้ระบบภาษีเป็นเครื่องมือในการจัดสรรสวัสดิการให้ตรงจุดและแม่นยำยิ่งขึ้น โดยมีหลักง่ายๆดังนี้
Negative Income Tax (NIT) คือระบบที่ประชาชนทุกคนต้องยื่นภาษี แต่หากรายได้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนด รัฐจะ "จ่ายเงินชดเชย" คืนให้
แนวคิดนี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อแก้ปัญหาสวัสดิการที่ไม่ตรงกลุ่มเป้าหมายและเพื่อยกระดับรายได้ของผู้มีรายได้น้อยให้เพียงพอต่อการดำรงชีพ การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อดึงประชากรหลายสิบล้านคนที่ปัจจุบันอยู่นอกระบบภาษีให้เข้ามาอยู่ในระบบ
ทำให้รัฐบาลมีฐานข้อมูลรายได้ของประชาชนทั้งประเทศเป็นครั้งแรก ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนของโครงการช่วยเหลือต่างๆ และสามารถคัดกรองผู้มีสิทธิ์รับสวัสดิการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Negative Income Tax กระทบใครบ้าง?
Negative Income Tax กระทบใครบ้าง?
ประชาชนทุกคนควรเริ่มเตรียมความพร้อมโดย การรวบรวมและจัดเก็บข้อมูลรายได้ของตนเองให้ถูกต้องและชัดเจน ทั้งในด้านจำนวนและประเภทของรายได้ เพื่อให้สามารถยื่นภาษีได้อย่างถูกต้องเมื่อนโยบายเริ่มบังคับใช้ ซึ่งจะช่วยให้ผู้มีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการอย่างครบถ้วน และผู้มีหน้าที่เสียภาษีสามารถปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นโยบายนี้ยังมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา ทั้งในด้านภาระทางการคลังของประเทศ ความพร้อมของระบบฐานข้อมูลในการป้องกันการรั่วไหล และการสื่อสารสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนว่า "การยื่นภาษี ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเสียภาษีเสมอไป"
การมาถึงของนโยบาย Negative Income Tax จะผลักดันให้คนไทยนับสิบล้านคนเข้าสู่ระบบภาษี แก้ปัญหาช่องว่างขนาดใหญ่ที่ในปี 2565 มีผู้ยื่นภาษีเพียง 10.7 ล้านคน จากแรงงานทั้งหมด 19 ล้านคน
นโยบาย "บังคับยื่นภาษี" นี้ จะทำให้รัฐมีข้อมูลรายได้ของประชาชนครบถ้วนเป็นครั้งแรก และขยายฐานผู้เสียภาษีได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนโฉมระบบภาษีของประเทศครั้งสำคัญ