SHORT CUT
น้ำปลาพิไชย ผู้ผลิตน้ำปลาตราหอยนางรม เผย คนไทยบริโภคน้ำปลา 5–6 ลิตร/คน/ปี ‘คนอีสาน’ ใช้ปรุงอาหารมากสุด ตามด้วยภาคกลาง
ไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำปลาที่มีความสำคัญในตลาดโลก และครึ่งแรกของปีนี้เทียบกับครึ่งแรกของปีก่อนหน้า มีอัตราเติบโต 1.3% โดยประเทศคู่ค้าหลัก
น้ำปลาพิไชย ผู้ผลิตน้ำปลาตราหอยนางรม เผย คนไทยบริโภคน้ำปลา 5–6 ลิตร/คน/ปี ‘คนอีสาน’ ใช้ปรุงอาหารมากสุด ตามด้วยภาคกลาง
น้ำปลา คือ เครื่องปรุง ที่ใช้ปรุงอาหารให้มีรสเค็มเหมือนกับเกลือ แต่..มีหลายคนมักจะบอกว่าน้ำปลาเค็มที่นัว และกลมกล่อมกว่าเกลือ ประเด็นนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครชื่นชอบแบบไหน แต่ถึงอย่างไรคนไทยก็ชื่นชอบบริโภคน้ำปลาเพราะอาหารไทยส่วนใหญ่ใช้น้ำปลาเป็นเครื่องปรุงรส แม้กระทั่งบนโต๊ะอาหารยังต้องมีน้ำปลาพริก นั่นแสดงเห็นให้ว่าคนไทยชอบบริโภคน้ำปลามากพอสมควร ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ตลาดน้ำปลาในไทยเติบโตมากพอสมควร
วันนี้ #SPRiNG มีข้อมูลอินไซต์ผู้บริโภค (Consumer Insight) จาก บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำปลาแท้ตราหอยนางรม ที่นำโดย นายพันธ์ชนะ รัตนประสิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำปลาพิไชย จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำปลาแท้ตราหอยนางรม มาเปิดเผยโดยจากการสำรวจตลาดที่ผ่านมา พบว่า คนไทยมีอัตราการบริโภคน้ำปลาสูง โดยเฉลี่ยบริโภคน้ำปลา ประมาณ 15 มิลลิลิตรต่อคนต่อวัน หรือคิดเป็น 5–6 ลิตรต่อคนต่อปี และพบว่า คนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรืออีสาน บริโภคน้ำสูงสุดเป็นอันดับ1 ตามมา คือ คนภาคกลาง
ขณะที่ตลาดต่างประเทศ จากข้อมูลสถิติการค้าระหว่างประเทศของ กรมศุลกากร ระบุว่า ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำปลาที่มีความสำคัญในตลาดโลก และครึ่งแรกของปีนี้เทียบกับครึ่งแรกของปีก่อนหน้า มีอัตราเติบโต 1.3% โดยประเทศคู่ค้าหลัก อันดับ 1 ยังคงเป็น สหรัฐอเมริกาเติบโต 7.8% อันดับ 2 คือ สปป.ลาว เติบโต 23.6% อันดับ 3 เปลี่ยนมาเป็นญี่ปุ่น เติบโต 22.7% ส่วนอันดับ 4 และ 5 ยังคงเดิม คือ ออสเตรเลีย และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ แต่ทั้ง 2 ประเทศมีการเติบโตที่ลดลง
สำหรับภาพรวมตลาดอุตสาหกรรมน้ำปลาในประเทศไทย ว่า ยังคงมีการแข่งขันกันสูงมากโดยตลาดน้ำปลาในประเทศที่มีมูลค่ารวมกันปีละกว่า 10,000 ล้านบาท พบว่าครึ่งแรกของปี2568 มีอัตราเติบโตอยู่ที่ 5%เทียบกับครึ่งแรกของปี2567 ซึ่งมีแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง สาเหตุหลักมาจากกลุ่มซอสและเครื่องปรุงอาหารที่เข้ามาแข่งขันและมีการบริโภคอยู่ในระดับสูง โดยการเติบโตหลักมาจากช่องทาง modern trade ซึ่งเติบโตอยู่ที่ 11% และมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้น ขณะที่ช่องทาง traditional trade เติบโตลดลง 3%
ในส่วนแผนงานและกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ บริษัทน้ำปลาพิไชย ว่า ได้ตั้งเป้าหมายว่าภายในปี 2570 จะสามารถผลักดันรายได้รวมสู่ระดับ 1,000 ล้านบาทและก้าวขึ้นเป็น Top 4 แบรนด์น้ำปลาชั้นนำ ในตลาดน้ำปลาไทย โดยวางสัดส่วนรายได้ 70% จากตลาดในประเทศ และ 30% จากการขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเป้าหมาย ได้แก่ อินโดนีเซีย แคนาดา ยุโรป ญี่ปุ่น ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยปัจจุบัน สัดส่วนรายได้ในประเทศอยู่ที่ 60% และส่งออกต่างประเทศอยู่ที่ 40%
อย่างไรก็ตามบริษัทได้ดำเนินกลยุทธ์ใหม่ โดยมุ่งสร้างประสบการณ์แบรนด์ครบวงจร และเพิ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย โดยเฉพาะน้ำปลาเพื่อสุขภาพ นอกจากสามารถเพิ่มมูลค่าสินค้า(Value added)ได้แล้ว ยังทำให้ยอดขายในประเทศครึ่งปีแรกของปี 2568 เติบโตได้กว่า 22%
ขณะที่ตลาดอุตสาหกรรมน้ำปลาในประเทศเติบโตเพียง 5% โดยยอดขายเติบโตในช่องทาง modern trade มากกว่า 27% เนื่องจากได้ขยายช่องทางการขายให้ครอบคลุมมากขึ้น ส่วนยอดขายช่องทางออนไลน์ ทั้งใน TikTok, Shopee ,Lazada และ facebook ยอดขายโตก้าวกระโดด โดยขยายตัวกว่า 30% ขณะที่ช่องทาง traditional trade ยังคงที่ แต่มีแนวโน้มการเติบโตมากขึ้น เพราะได้รับความร่วมมือจากคู่ค้าช่วยทำการตลาดมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยอดขายของบริษัทยังเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ โดยกลุ่มผลิตภัณฑ์ premium segment มียอดขายที่เติบโตมากที่สุดถึง 30% ขณะที่กลุ่มผลิตภัณฑ์ standard segment เติบโต 14% และกลุ่มผลิตภัณฑ์ economy segment ซึ่งยังเป็นกลุ่มที่มีขนาดเล็กอยู่ แต่เติบโตมากกว่า 160% ส่วนการส่งออกไปต่างประเทศช่วงครั้งปีแรกนั้นยอดขายค่อนข้างคงที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบ ช่วงสหรัฐอเมริกาประกาศอัตราภาษีนำเข้าอัตราใหม่ จึงทำให้ลูกค้าต่างประเทศชะลอดูความชัดเจน แต่ปัจจุบันได้ดำเนินการสั่งซื้อเป็นปกติแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง