เจาะลึก เรือนจำ Bastoy Prison ใน นอร์เวย์ มีมนุษยธรรมที่สุด ในโลก เน้น "การฟื้นฟู" ไม่ใช่ "การลงทัณฑ์" และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องทำให้ คนผิดกลับตัว
ภาพจำของเรือนจำ มักผูกติดกับความแออัด สภาพแวดล้อมที่โหดร้าย และการลงโทษ แต่ บนโลกใบนี้มีเรือนจำหลายแห่งที่ทลายภาพจำเหล่านั้น ด้วยแนวคิดที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูและให้เกียรติความเป็นมนุษย์
ณ เกาะห่างไกลแห่งหนึ่งในฟยอร์ดของนอร์เวย์ มีเรือนจำที่ท้าทายทุกความเข้าใจที่เราเคยมีเกี่ยวกับระบบราชทัณฑ์ ที่นี่ไม่มีรั้วลวดหนาม ไม่มีหอคอยติดอาวุธ และผู้ต้องขังสามารถเล่นสกีข้ามประเทศในช่วงฤดูหนาวได้ ที่นี่คือ เรือนจำบาสตอย (Bastoy Prison) ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น "เรือนจำที่มีมนุษยธรรมที่สุดในโลก" และกำลังกลายเป็นต้นแบบที่น่าจับตาของระบบยุติธรรมทั่วโลก
เกาะบาสตอย เป็นที่อยู่ของผู้ต้องขังชายกว่า 100 คน ซึ่งบางส่วนต้องโทษในคดีร้ายแรงอย่างฆาตกรรมหรือข่มขืน แต่สภาพแวดล้อมกลับไม่เหมือนเรือนจำแม้แต่น้อย พวกเขาอาศัยอยู่ในกระท่อมไม้ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย มีทีวีและสิ่งอำนวยความสะดวกสบาย ในเวลาว่าง พวกเขามีอิสระที่จะใช้ชายหาด, สนามฟุตบอล, หรือแม้กระทั่งห้องสมุดและโบสถ์
นักโทษทุกคนมีข้อบังคับให้ต้องทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการทำฟาร์มบนเกาะหรือฝึกทักษะอาชีพใหม่ๆ เพื่อแลกกับค่าตอบแทนเล็กน้อยสำหรับซื้อของในร้านค้าของเรือนจำ สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ เกาะแห่งนี้มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เพียง 70 คน และมีเพียงไม่กี่คนที่พักค้างคืนบนเกาะ โดยทั้งหมดไม่มีอาวุธติดตัว
หัวใจของระบบเรือนจำนอร์เวย์ รวมถึงที่บาสตอย คือปรัชญาที่เน้น การฟื้นฟู (Rehabilitation) มากกว่า การลงทัณฑ์ (Punishment) เป้าหมายสูงสุดไม่ใช่การแก้แค้น แต่คือการเตรียมความพร้อมให้ผู้ต้องขังกลับคืนสู่สังคมในฐานะพลเมืองที่ดีขึ้น แนวทางนี้ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ความรับผิดชอบ และการพัฒนาตนเอง
เมื่อถูกวิจารณ์ว่าสภาพความเป็นอยู่เช่นนี้ดูเหมือน "ค่ายพักร้อน" มากเกินไป อาร์เน ควานวิก นิลเซน (Arne Kvernvik Nilsen) อดีตผู้ว่าการเรือนจำ ได้ให้คำตอบที่คมคายไว้กับ CNN ว่า: "ถ้าเราสร้างค่ายพักร้อนให้นักโทษแล้วจะทำไมล่ะ ? จุดสำคัญคือการลดความเสี่ยงที่จะกลับไปทำผิดซ้ำ ถ้าเราไม่ปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างมีมนุษยธรรม การลงโทษก็จะเหลือเพียงด้านดิบเถื่อนที่สุดเท่านั้น"
สิ่งที่ยืนยันแนวทางของนอร์เวย์ได้ดีที่สุด คือตัวเลขที่ไม่โกหก: อัตราการกระทำผิดซ้ำ (Recidivism Rate) ภายใน 2 ปีหลังพ้นโทษอยู่ที่เพียง 20% ซึ่งเป็นหนึ่งในอัตราที่ต่ำที่สุดในโลก และต่ำกว่าประเทศที่เน้นการลงโทษอย่างสหรัฐอเมริกาหลายเท่าตัว
ความสำเร็จนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรือนจำความมั่นคงต่ำอย่างบาสตอยเท่านั้น แม้แต่ในเรือนจำความมั่นคงสูงแห่งใหม่อย่าง Agder ก็ยังคงออกแบบโดยยึดหลักการฟื้นฟูเป็นศูนย์กลาง โดยมีห้องพักที่คล้ายหอพักนักศึกษา พร้อมห้องสมุดและห้องทำงาน เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาตนเอง
โมเดลของนอร์เวย์ได้สร้างแรงบันดาลใจในระดับนานาชาติ ในปี 2015 คณะผู้บริหารเรือนจำจากรัฐนอร์ทดาโคตา สหรัฐอเมริกา ได้เดินทางมาศึกษาดูงาน และนำแนวคิดกลับไปปรับใช้จนสามารถลดจำนวนผู้ต้องขังลงได้ถึง 6.5% ภายใน 3 ปี แสดงให้เห็นว่าแนวทางนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้จริง
แนวทางที่เปิดกว้างก็มาพร้อมกับความท้าทายที่ไม่คาดคิด เช่นในช่วงการระบาดของโควิด-19 เรือนจำบาสตอยต้องเผชิญกับการติดเชื้อในกลุ่มนักโทษ ทำให้ต้องระงับการเยี่ยมและปรับเปลี่ยนสู่ระบบวิดีโอคอลแทน
อย่างไรก็ตาม เรือนจำบาสตอยยังคงเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ทรงพลังว่า การปฏิบัติต่อผู้กระทำผิดด้วยความเคารพและให้โอกาสในการเริ่มต้นใหม่ ไม่เพียงแต่เป็นแนวทางที่มีมนุษยธรรม แต่ยังเป็นยุทธศาสตร์ที่ชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน
ที่มา : weforum cnn securityjournaluk forbes
ข่าวที่เกี่ยวข้อง