svasdssvasds

เทียบ "คนละครึ่ง" รัฐบาลประยุทธ์ VS อนุทิน มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

เทียบ "คนละครึ่ง" รัฐบาลประยุทธ์ VS อนุทิน มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

เปรียบเทียบโครงการ "คนละครึ่ง" โรัฐบาลประยุทธ์ VS อนุทิน ในยุครัฐบาลอนุทินปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสำคัญ โดยผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับสิทธิ์ร่วมจ่ายในอัตรา 60:40

SHORT CUT

  • โครงการ "คนละครึ่ง" ยุคอนุทินปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสำคัญ โดยผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับสิทธิ์ร่วมจ่ายในอัตรา 60:40 (รัฐ 60%) ขณะที่ประชาชนทั่วไปยังคงเป็น 50:50 เช่นเดิม
  • มีการพิจารณาขยายกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์ให้กว้างขึ้น โดยอาจลดอายุขั้นต่ำเหลือ 16 ปี และรวมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเข้ามาในโครงการ ซึ่งแตกต่างจากยุครัฐบาลประยุทธ์ที่ยกเว้นกลุ่มนี้
  • มีแนวคิดเปิดให้ร้านค้าขนาดเล็กที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เข้าร่วมโครงการได้ และอาจมีการเพิ่มวงเงินใช้จ่ายสูงสุดต่อวันเป็น 200 บาท

เปรียบเทียบโครงการ "คนละครึ่ง" โรัฐบาลประยุทธ์ VS อนุทิน ในยุครัฐบาลอนุทินปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสำคัญ โดยผู้ที่อยู่ในระบบภาษีจะได้รับสิทธิ์ร่วมจ่ายในอัตรา 60:40

สถานการณ์การเมืองไทยกำลังเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง เมื่อรัฐบาลใหม่ที่มีนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นนายกรัฐมนตรี ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและความคาดหวังจากสังคมที่ตั้งคำถามว่า "รัฐบาลชุดนี้จะทำอะไรได้บ้างในเวลาเพียง 4 เดือน" ก่อนจะมีการเลือกตั้งใหม่

ภารกิจเร่งด่วนที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น เพื่อฟื้นฟูอำนาจซื้อของประชาชนและเรียกคะแนนนิยม ซึ่งนโยบายที่ถูกนำกลับมาใช้ทันทีคือโครงการ "คนละครึ่ง" ในเวอร์ชันใหม่นั่นเอง

โครงการ "คนละครึ่ง" ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อ บรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชน และ กระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ซบเซาอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 และมาตรการล็อกดาวน์ โครงการนี้เปิดตัวในช่วงปี 2563 ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลังและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)

"คนละครึ่ง" โครงการที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจในยุคโควิด สมัยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

กลไกและกลุ่มเป้าหมาย

หลักการของโครงการคือ รัฐจะร่วมจ่าย 50% ของราคาสินค้า ให้กับประชาชนในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม และของใช้จำเป็น

กลุ่มเป้าหมาย ประชาชนทั่วไปที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปและมีบัตรประชาชนไทย แต่ ไม่รวมผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐซึ่งได้รับสิทธิ์ช่วยเหลือรูปแบบอื่นอยู่แล้ว

การใช้งาน ผู้ที่สนใจจะต้อง ลงทะเบียน ผ่านแอปพลิเคชัน "เป๋าตัง" และใช้จ่ายผ่านระบบ G-Wallet โดยรัฐจะโอนเงินสมทบให้อัตโนมัติในทุกการใช้จ่ายตามวงเงินที่กำหนด

 

วงเงินและการขยายโครงการ

ตลอดระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2565 โครงการคนละครึ่งได้มีการขยายและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องรวม 5 เฟส โดยมีข้อมูลที่น่าสนใจดังนี้

รวมงบประมาณ: ใช้เงินรวมกว่า 3.4 แสนล้านบาท มีประชาชนเข้าร่วมโครงการรวมกว่า 30-35 ล้านคน และร้านค้ากว่า 1.5 ล้านราย

  • เฟสที่ 1 (ต.ค. 2563) เริ่มต้นด้วยผู้รับสิทธิ์ 10 ล้านคน รัฐสมทบสูงสุด 3,000 บาทต่อคน ใช้งบประมาณกว่า 30,000 ล้านบาท
  • เฟสที่ 2 (ธ.ค. 2563) เพิ่มผู้รับสิทธิ์อีก 5 ล้านคน และเพิ่มวงเงินสมทบเป็น 3,500 บาทต่อคน
  • เฟสที่ 3 (ก.ค. 2564) ขยายวงกว้างขึ้นเป็น 31 ล้านคน รัฐสมทบเพิ่มอีก 3,000 บาท ใช้งบประมาณกว่า 90,000 ล้านบาท
  • เฟสที่ 4 (ก.พ. 2565) ต่อเนื่องด้วยการสมทบอีก 1,200 บาทต่อคน ครอบคลุมผู้ใช้ 26.3 ล้านคน
  • เฟสที่ 5 (ก.ย. 2565) เป็นมาตรการระยะสั้นสุดท้าย รัฐสมทบ 800 บาทต่อคน ใช้งบประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท

"คนละครึ่ง 2.0" กระตุ้นเศรษฐกิจ ให้สิทธิพิเศษผู้เสียภาษี 

การกลับมาอีกครั้งของ "คนละครึ่ง 2.0" ในรัฐบาลชุดใหม่นี้ มาพร้อมแนวคิดที่น่าสนใจและแตกต่างจากเดิม เพื่อให้โครงการมีประสิทธิภาพและครอบคลุมมากขึ้น

ยิ่งอยู่ในระบบภาษี ยิ่งได้รับสิทธิเพิ่ม

หัวใจสำคัญของโครงการ "คนละครึ่ง 2.0" คือการปรับอัตราการสมทบเพื่อจูงใจให้คนเข้าสู่ระบบภาษีมากขึ้น

  • อัตราทั่วไป ประชาชนคนไทยทุกคนจะได้รับสิทธิ์ 50:50 เหมือนเดิม
  • อัตราพิเศษ: สำหรับผู้ที่อยู่ในระบบภาษี หรือผู้ที่เคยยื่นแบบแสดงรายการภาษี จะได้รับการสนับสนุนในอัตราที่สูงขึ้นเป็น 60:40 โดยไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่ต้องเสียภาษีเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่มีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์แต่มีการยื่นแบบแสดงรายการภาษีด้วย

งบประมาณและการขยายโครงการ

งบประมาณสำหรับโครงการนี้ในเบื้องต้นมีเหลืออยู่จากโครงการเดิมของรัฐบาลชุดก่อนประมาณ 25,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ทันที แต่หากต้องการขยายวงเงินให้ครอบคลุมมากขึ้น อาจต้องพิจารณาดึงงบประมาณจากงบกลางมาสมทบเพิ่มเติม

นอกจากนี้ ยังมีการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายกลุ่มผู้มีสิทธิ์เข้าร่วม โดยอาจลดอายุผู้เข้าร่วมเป็น 16 ปี และรวมกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้เงินกระจายสู่ประชาชนในวงกว้างอย่างแท้จริง

รายละเอียดอื่นๆ ที่น่าสนใจ

  • ร้านค้า: มีการพิจารณาขยายโอกาสให้ ร้านค้าขนาดเล็กที่ไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เข้าร่วมโครงการได้ โดยจะไม่มีการเก็บภาษีย้อนหลังจากร้านค้าที่เข้าโครงการอย่างแน่นอน
  • สินค้าต้องห้าม: คาดว่าจะเป็นไปตามหลักการเดิม คือไม่สามารถใช้ซื้อลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และบุหรี่
  • วงเงินต่อวัน: มีข้อเสนอจากภาคเอกชนให้เพิ่มวงเงินสูงสุดต่อวันเป็น 200 บาท แต่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องจากต้องชั่งน้ำหนักระหว่างการเพิ่มวงเงินต่อคน หรือการเพิ่มจำนวนคนให้ได้รับสิทธิ์มากขึ้น

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค ยืนยันว่าขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกำลังศึกษาและออกแบบรายละเอียดของโครงการอย่างจริงจัง ซึ่งคาดว่าโครงการจะสามารถเริ่มต้นได้ภายใน 2 สัปดาห์หลังจากการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีและแถลงนโยบาย

ส่องความคิดเห็น-มุมมองของชาวเน็ต "คนละครึ่ง 2.0"

  • ถึงจะไม่มากไม่มายแต่ทั่วถึง ถือว่าคุณบริหารโอเคพี่น้องประชาชนพอใจ
  • อะไรก็ดีทั้งนั้นขอสนับสนุนถ้าไม่โกงไม่กิน
  • ดีแล้วอะไรดีก็นำกลับมาใช้...ไม่ได้เสียหายอะไร ประเทศจะได้เดินไปข้างหน้าได้ ทำอะไรให้นึกถึงชาวบ้านเป็นหลัก ผลประโยชน์พวกพ้องลดได้ลด
  • โครงการคนละครึ่ง พ่อค้าแม่ค้าตลาดบอกว่ามีประสิทธิผลจริงๆ ได้รับประโยชน์รวดเร็วเห็นผลทันตา สภาพตลาดคึกคักเห็นได้ชัด
  • ทำไมไม่เป็น 75:25 รัฐจ่าย 75 ชาวบ้านจ่าย 25 คราวนี้คงแย่งกันจ่ายภาษีเลย
  • เริ่มเลอะเทอะละ
  • เขากระโดงคนละครึ่งไหม

ที่มา : thansettakij

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

related