SHORT CUT
แต่เรื่องจริง Meta ปรับเกณฑ์ใหม่แล้ว โดย Meta ได้ยุบรวมโปรแกรมสร้างรายได้ Facebook ทั้งหมดภายใน 31 ส.ค. 68
โดยระบบใหม่ที่เน้นคอนเทนต์ต้นฉบับ ครีเอเตอร์ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด โดยไม่ว่าจะเป็น Reels Bonuses, Performance Bonuses และ In-Stream Ads การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปิดฉากยุคของการให้รางวัลแบบแยกส่วน และเริ่มต้นยุคใหม่ภายใต้โปรแกรมรวมศูนย์เพียงหนึ่งเดียวที่ชื่อว่า CMP
พามาดูเรื่องขำๆบนโลกออนไลน์ เมื่อชาวเน็ตแห่โพสต์ ‘คิวอาร์โค้ดโอนเงิน’ พร้อมเขียนแคปชั่นว่า นี่คือภาพนิ่งสร้างรายได้ ที่ถูกต้อง แต่เรื่องจริง Meta ปรับเกณฑ์ใหม่แล้ว
ช่องทางการหารายได้ในโลกยุคออนไลน์มีมากมาย หากคนไหนใช้โซเชียลมีเดียเป็นจะทำให้ก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างมหาศาล บางคนใช้โซเชียลมีเดียในการขายของ บางคนทำคลิปสร้างตัวตนแบบมีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองเพื่อให้คนมาติดตามจำนวนมาก ในอดีตหากคลิปไหนมีคนรับชมจำนวนมากจะทำให้เจ้าของคลิปมีรายได้จากแพลตฟอร์ม ซึ่งก่อนหน้านี้มีคนจำนวนมากหันมาทำคลิปสั้นสร้างรายได้ หรือที่เรียกว่า Reels รวมไปจนถึงการทำภาพนิ่งสร้างรายได้
โดยที่ผ่านมาเรียกได้ว่าคนแห่ทำ Reels สร้างรายได้ และภาพนิ่งสร้างรายได้ จำนวนมาก บางคนทำแล้วปังสร้างรายได้ให้ตัวเองเป็นกอบเป็นกำ แต่..ก็ต้องมาเจอกับโจทย์ใหม่หลังจากที่ Meta ได้ยุบรวมโปรแกรมสร้างรายได้ Facebook ทั้งหมดภายใน 31 ส.ค. 68 สู่ระบบใหม่ที่เน้นคอนเทนต์ต้นฉบับ ครีเอเตอร์ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อความอยู่รอด โดยไม่ว่าจะเป็น Reels Bonuses, Performance Bonuses และ In-Stream Ads การเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นการปิดฉากยุคของการให้รางวัลแบบแยกส่วน และเริ่มต้นยุคใหม่ภายใต้โปรแกรมรวมศูนย์เพียงหนึ่งเดียวที่ชื่อว่า "Content Monetization Program (CMP)
สำหรับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่การเลิกแจกเงิน แต่เป็นการปฏิรูประบบทั้งหมดให้มีความยั่งยืนและคาดการณ์ได้มากขึ้น เป้าหมายหลักของ CMP คือการหลอมรวมการสร้างรายได้จากโฆษณาทุกรูปแบบไว้ในที่เดียว และที่สำคัญที่สุดคือการขยายโอกาสให้ครอบคลุมคอนเทนต์ทุกประเภท จากเดิมที่จำกัดอยู่แค่เพียงวิดีโอ ปัจจุบันครีเอเตอร์จะสามารถสร้างรายได้จาก รูปภาพ (Photos), โพสต์ข้อความ (Text Posts) และ วิดีโอทุกรูปแบบ ที่เผยแพร่เป็นสาธารณะ
จากการปรับเกณฑ์ใหม่ในครั้งนี้ของ Meta เชื่อว่าครีเอเตอร์ หลายท่านยังไม่ทราบ โดยหัวใจหลักของระบบใหม่นี้คือ โมเดลการจ่ายเงินตามประสิทธิภาพ (Performance-Based Payout Model) ซึ่งหมายความว่ารายได้ของครีเอเตอร์จะไม่ได้ผูกติดกับโฆษณาที่แสดงบนคอนเทนต์โดยตรงอีกต่อไป แต่จะถูกคำนวณจากประสิทธิภาพโดยรวมของคอนเทนต์ทั้งหมด โดยมีตัวชี้วัดสำคัญคือ การมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง (Authentic Engagement) เช่น ยอดไลก์, คอมเมนต์ และการแชร์
อย่างไรก็ตามกลยุทธ์ใหม่ที่ครีเอเตอร์ Reels ต้องรู้ นั่นก็คือ Meta จะบังคับใช้นโยบายต่อต้านคอนเทนต์ที่ไม่ใช่ต้นฉบับอย่างเข้มงวด การนำคลิปของผู้อื่นมาโพสต์ซ้ำโดยไม่มี การปรับแต่ง เช่น การพากย์เสียง , การวิจารณ์ หรือการตัดต่อที่สร้างสรรค์ จะถูกลดการมองเห็นและอาจถูกตัดสิทธิ์การสร้างรายได้ นอกจากนี้ครีเอเตอร์ไม่สามารถพึ่งพาการทำคลิป Reels เพียงอย่างเดียวได้อีกต่อไป แต่ต้องวางแผนการใช้คอนเทนต์หลากหลายรูปแบบผสมผสานกัน เช่น ใช้ Stories เพื่อสร้างความสัมพันธ์และใช้วิดีโอหรือโพสต์ข้อความ เพื่อสร้าง Community ที่แข็งแกร่ง
ถึงอย่างไรแม้ว่าโปรแกรมโบนัสจะหายไป แต่ช่องทางการสร้างรายได้ที่ยั่งยืนยังคงมีอยู่และแข็งแกร่งขึ้น ครีเอเตอร์ต้องสร้างพอร์ตโฟลิโอรายได้ที่หลากหลาย ประกอบด้วย 1.รายได้โดยตรงจาก Meta : นอกเหนือจาก CMP แล้ว ครีเอเตอร์ยังสามารถสร้างรายได้โดยตรงจากแฟนๆ ผ่าน Facebook Stars (ของขวัญเสมือนจริง) และ Fan Subscriptions (การสมัครสมาชิกรายเดือน) ซึ่งเป็นกระแสรายได้ที่มั่นคงและคาดการณ์ได้ และ2.ายได้ผ่าน Affiliate Marketing และช่องของตัวเอง : การสร้างรายได้นอกแพลตฟอร์มจะทวีความสำคัญยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Branded Content (การร่วมมือกับแบรนด์), Affiliate Marketing, การจัด Paid Online Events (กิจกรรมออนไลน์แบบเสียเงิน) และการโปรโมทสินค้าของตัวเอง
ส่วนการปรับเกณฑ์ใหม่ภาพนิ่งสร้างรายได้ของ Meta โดย Meta Business Help Center ระบุว่า หลักเกณฑ์การสร้างรายได้จากภาพนิ่งของ Meta มีดังนี้
โดยมีผู้ติดตาม ขั้นต่ำ 5,000 คน บนเพจหรือโปรไฟล์ที่เปิดเป็น Professional Mode ทำคอนเทนต์ตาม มาตรฐานความเหมาะสมสำหรับการสร้างรายได้ (Monetization Eligibility Standards) ของ Meta
ภาพนิ่งที่โพสต์บน Facebook และ Instagram สามารถแสดงโฆษณาแบบ Overlay หรือ Post-loop Ads ได้ (คล้ายการหารายได้จาก Reels แต่ปรับใช้กับภาพนิ่ง) และโฆษณาจะถูกแทรกในโพสต์รูปภาพ เช่น ขึ้นเป็น โฆษณา Overlay บนภาพ หรือปรากฏใน ฟีดแบบ Sponsored Frame
ครีเอเตอร์จะได้รับส่วนแบ่งรายได้จากค่าโฆษณาที่ Meta แสดงบนโพสต์ภาพนิ่ง และการจ่ายเงินขึ้นอยู่กับการตั้งค่าบัญชีใน Meta Business Suite และต้องผูกกับบัญชีธนาคารหรือ PayPal
ห้ามใช้ภาพนิ่งที่ละเมิดลิขสิทธิ์หรือมีเนื้อหาไม่เหมาะสม (ความรุนแรง, ลามก, ข่าวปลอม ฯลฯ) และโพสต์ที่เป็น มีม (meme) หรือเนื้อหาซ้ำซ้อนอาจไม่ผ่านเกณฑ์การสร้างรายได้
ทั้งหมด คือ เกณฑ์ใหม่ Meta มีการปรับการหารายได้ของเหล่าครีเอเตอร์ แต่…ที่เป็นไวรัลดังบนโลกออนไลน์ คือ การโพสต์รูปคิวอาร์โค้ดโอนเงิน แล้วบอกว่า นี่คือภาพนิ่งสร้างรายได้ของจริง เรื่องนี้ทำเอาฮากันทั้งโลกโซเชียลมีเดีย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง