svasdssvasds

ข้อเท็จจริง "บ้านหนองหญ้าแก้ว" อธิปไตยไทย เตือนกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

ข้อเท็จจริง "บ้านหนองหญ้าแก้ว" อธิปไตยไทย เตือนกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

กองทัพไทยยืนยัน "บ้านหนองหญ้าแก้ว" อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน JBC มีหลักฐานรับรอง สอดคล้อง MOU 2543 ด้านนักวิชาการมาเลย์เตือน "อันวาร์" ระวังบทบาท "คนกลาง" ช่วยไกล่เกลี่ย ชี้กัมพูชาชอบเล่นบทเหยื่อ

SHORT CUT

  • กองทัพไทยยืนยันว่าบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่ในอธิปไตยของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน โดยอ้างอิงหลักฐานทางประวัติศาสตร์และบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543
  • บทวิเคราะห์จากสื่อต่างชาติเตือนว่า กัมพูชาพยายามสร้างภาพเป็นเหยื่อ โดยใช้ผู้หญิง เด็ก และพระสงฆ์เป็นแนวหน้าในการประท้วงเพื่อเรียกความเห็นใจจากนานาชาติ
  • ทางการไทยชี้แจงว่าการใช้มาตรการสลายการชุมนุมเป็นการป้องกันตนเองเพื่อรักษาอธิปไตย หลังผู้ประท้วงกัมพูชารุกล้ำและพยายามรื้อรั้วลวดหนาม

กองทัพไทยยืนยัน "บ้านหนองหญ้าแก้ว" อยู่ในเขตอธิปไตยไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน JBC มีหลักฐานรับรอง สอดคล้อง MOU 2543 ด้านนักวิชาการมาเลย์เตือน "อันวาร์" ระวังบทบาท "คนกลาง" ช่วยไกล่เกลี่ย ชี้กัมพูชาชอบเล่นบทเหยื่อ

กองทัพไทยชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยเมื่อวันที่ 22 ก.ย. 2568 พลตรีวิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ตำบลโคกสูง อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44

สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 โดยในส่วนของหลักเขตแดนที่ 42 ได้สำรวจเมื่อวันที่ 2–29 ตุลาคม 2549 พบว่ายังอยู่ในสภาพดี แต่ทั้งสองฝ่ายมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องที่ตั้ง ประมาณ 80 เมตร ส่วนหลักเขตแดนที่ 43 ได้สำรวจเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน–12 ธันวาคม 2549 พบว่าหลักล้ม และถูกฝังอยู่ในดิน อย่างไรก็ตามทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงที่ตั้งที่ถูกต้องร่วมกันได้ และได้สร้างหมุดชั่วคราว (Temporary Marker: TM) ไว้ ณ ตำแหน่งดังกล่าว

ข้อเท็จจริง \"บ้านหนองหญ้าแก้ว\" อธิปไตยไทย เตือนกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

ผลการสำรวจร่วมทั้งหมด 74 หลัก รวมถึงหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ได้รับการรับรองแล้วในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 แต่ยังไม่ได้มีการสำรวจแนวเขตแดนในส่วนของเส้นตรงระหว่างหลักทั้งสอง อย่างไรก็ตาม ในหลักฐานบันทึกวาจาและแผนผังแสดงที่ตั้งหลักเขตแดนทั้งสอง ซึ่งเป็นไปตามที่ระบุในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ปี 2543 ได้ระบุแนวเขตแดนเป็นเส้นตรงระหว่างหลักทั้งสอง

ข้อเท็จจริง \"บ้านหนองหญ้าแก้ว\" อธิปไตยไทย เตือนกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

สำหรับบันทึกวาจาและแผนผังแสดงที่ตั้งหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 เป็นบันทึกของข้าหลวงปักหลักเขตแดนระหว่างประเทศสยามกับอินโดจีนของฝรั่งเศส จัดทำขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1908–1909 โดยใช้ต้นไม้หรือเสาไม้ติดแผ่นโลหะเป็นหลักเขตแดน ต่อมาในปี ค.ศ. 1919–1920 ได้เปลี่ยนเป็นหลักคอนกรีตทดแทนซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหลักไม้หรือเสาไม้เดิม โดยในแผนผังแสดงที่ตั้งหลักเขตแดนของบันทึกวาจาทั้งสองห้วง ได้กำหนดแนวเขตแดนเป็นเส้นตรงระหว่างหลักที่ 42 และ 43 โดยแนวเส้นตรงดังกล่าวผ่านกึ่งกลางของหลักเขตแดนทั้งสองอย่างชัดเจน

ข้อเท็จจริง \"บ้านหนองหญ้าแก้ว\" อธิปไตยไทย เตือนกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

ทั้งนี้ กองทัพไทยขอยืนยันว่า บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนที่เกิดจากความแตกต่างของการลากเส้นตรงระหว่างหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 การดำเนินการทั้งหมดเป็นไปตามกระบวนการ และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ได้รับการรับรองร่วมกันแล้ว ภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU 2543) และการหารือในระดับคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา (JBC) อย่างต่อเนื่อง

ข้อเท็จจริง \"บ้านหนองหญ้าแก้ว\" อธิปไตยไทย เตือนกัมพูชาเล่นบทเหยื่อ

ด้านหนังสือพิมพ์ Malaymail สื่อของมาเลเซีย ได้ออกมาเปิดเผยบทวิเคราะห์ ของศาตราจารย์ ฟาร์ กิม เบ็ง นักวิชาการด้านอาเซียนศึกษา มหาวิทยาลัยอิสลามนานาชาติแห่งมาเลเซีย และยังเป็นผู้อำนวยการสถาบันการศึกษานานาชาติและอาเซียน (IINTAS)

โดยบทวิเคราะห์ ระบุว่า ปมพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ใน จ.สระแก้ว อาจเหมือนกับปมพิพาทเรื่องเขตแดนระหว่าง 2 ชาติเพื่อนบ้าน ที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป แต่สิ่งที่น่าจับตา คือวิธีการที่ข้อมูลต่างๆ ถูกสร้างขึ้น เผยแพร่ และถูกนำมาใช้เป็นอาวุธในรูปแบบต่างๆ ที่สามารถส่งอิทธิพลต่อการทูตระดับภูมิภาคได้

มาเลเซียต้องใช้ความระมัดระวังในการรับบทคนกลางไกล่เกลี่ย เพราะหลายครั้งถูกลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความขัดแย้งโดยตรง จากการที่รัฐบาลกัมพูชาของนายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ออกแถลงการณ์ในทำนองว่า รัฐบาลมาเลเซีย โดยเฉพาะ นายอันวาร์ อิบราฮิม เห็นอกเห็นใจทางฝั่งกัมพูชา ซึ่งอาจถูกมองว่าเป็นการเลือกข้าง และอาจกระทบกับบทบาทของมาเลเซียในฐานะคนกลางไกล่เกลี่ย และกระทบความสัมพันธ์กับไทยได้

สถานการณ์ปะทะเดือดที่บ้านหนองหญ้าแก้ว สะท้อนถึงความเปราะบางของข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งจากการเปิดเผยของกองทัพไทย กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิดข้อตกลงหยุดยิงหลายครั้ง ผ่านการใช้โดรน ทุ่นระเบิด รวมถึงจัดฉากก่อม็อบป่วน รุกล้ำเข้ามาในเขตอธิปไตยของไทย

ฝั่งไทยยืนกรานว่า บ้านหนองหญ้าแก้วไม่ใช่พื้นที่พิพาท แต่เป็นของคนไทย โดยอ้างอิงจากเอกสารกำหนดเขตแดน ฉะนั้นในมุมของไทย การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางจึงไม่ใช่พฤติกรรมรุนแรง แต่เป็นการตอบโต้เพื่อป้องกันตนเองจากกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกเข้ามารื้อลวดหนามและขว้างปาก้อนหิน ทางการไทยยืนยันว่าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่ด้วยความยับยั้งชั่งใจและอยู่ในขอบเขตของการรักษาอธิปไตย

ขณะที่ทางการกัมพูชา พยายามสื่อสารให้เรื่องนี้ออกมาในรูปของการใช้ความรุนแรงต่อพลเรือนที่อ่อนแอ โดยการจัดให้ผู้หญิง เด็ก และพระสงฆ์ มาอยู่ในแนวหน้าของกลุ่มผู้ชุมนุม กัมพูชาใช้เรื่องนี้เรียกคะแนนสงสารจากนานาชาติ โดยเฉพาะภาพพระสงฆ์สำลักแก๊สน้ำตา ซึ่งเป็นภาพที่ทรงพลังกว่าการโต้แย้งด้วยข้อมูลทางเทคนิค

ดังนั้นมาเลเซียควรรวบรวมข้อมูลและหลักฐานที่รอบด้าน โดยฟังจากทั้ง 2 ฝ่าย, ผลักดันการยืนยันข้อเท็จจริงผ่านผู้สังเกตการณ์อาเซียน, และพยายามออกแถลงการณ์ที่มีความสมดุล

ที่มา : กองบัญชาการกองทัพไทยmalaymail

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related