svasdssvasds

"อนุทิน" จ่อยกเลิก MOU 43-44 หากไร้ประโยชน์ ทูตรัศม์เตือนเสียมากกว่าได้

"อนุทิน" จ่อยกเลิก MOU 43-44 หากไร้ประโยชน์ ทูตรัศม์เตือนเสียมากกว่าได้

"อนุทิน" ชี้ MOU 43-44 ต้องรอผล กมธ.ศึกษา เพราะกว่า 20 ปี ยังตกลงไม่ได้ หากไม่ได้ประโยชน์ต้องยกเลิก ชี้ ครม.ยกเลิกเองได้ แต่ให้เกียรติประชาชน ทูตรัศม์ยันเสียมากกว่าได้ เตือนสติคนไทยอย่าหลงกล “กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม”

SHORT CUT

  • นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล เตรียมยกเลิก MOU 43-44 หากผลการศึกษาชี้ว่าไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย โดยอาจตัดสินใจผ่านมติคณะรัฐมนตรี
  • อนุทินให้เหตุผลว่า MOU ไม่มีความคืบหน้ามากว่า 20 ปี และควรยกเลิกหากไทยไม่ได้ประโยชน์
  • นายรัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เตือนว่าการยกเลิก MOU จะทำให้ไทยเสียเปรียบและเข้าทางกัมพูชา
  • ทูตรัศม์ชี้ว่า MOU เป็นเพียงกรอบการเจรจาที่ผูกมัดให้กัมพูชาต้องเจรจาทวิภาคีกับไทย และการยกเลิกจะปลดพันธกรณีนี้ออกไป

"อนุทิน" ชี้ MOU 43-44 ต้องรอผล กมธ.ศึกษา เพราะกว่า 20 ปี ยังตกลงไม่ได้ หากไม่ได้ประโยชน์ต้องยกเลิก ชี้ ครม.ยกเลิกเองได้ แต่ให้เกียรติประชาชน ทูตรัศม์ยันเสียมากกว่าได้ เตือนสติคนไทยอย่าหลงกล “กลุ่มการเมืองบางกลุ่ม”

30 กันยายน 2568 ที่รัฐสภา นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยกรณี MOU ที่จะทำประชามติเป็น MOU 43-44 ตอนนี้เขาศึกษาทั้ง 43 และ 44  เราก็ยังต้องดูก่อนว่าการลงประชามติ ตอนนี้ กมธ.กำลังศึกษาอยู่ ต้องรอผลการศึกษาของเขาออกมาก่อน ว่ามีความชัดเจน และรัฐบาลประเมินแล้ว อาจจะไม่ต้องทำประชามติ และอาจจะยกเลิกโดยคณะรัฐมนตรีเลยก็ได้

เพราะการยกเลิก MOU 43-44 อยู่ที่คณะรัฐมนตรี เพียงแต่ว่าอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่ใช่โยนภาระ คนที่คิดไม่ดีก็บอกว่าเราโยนภาระให้กับประชาชน จริงๆเป็นการให้เกียรติประชาชนมากกว่า เพราะเรื่องอะไรก็ตาม ที่มีความแตกต่างด้านความคิด และเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจเกี่ยวข้องกับอธิปไตยด้านความมั่นคงของประเทศ และเป็นเรื่องที่ทอดยาวมานานแล้ว เราก็อยากจะถามประชาชน แต่ถ้าผลศึกษาออกมาชัดเจนว่า ไม่เป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ไม่ได้เปรียบอะไรเลยประเทศไทยไม่ได้เปรียบอะไรเลย

ซึ่ง ณ ขณะนี้เราอยู่ในสถานะที่ประเทศไทยไม่ได้เปรียบกัมพูชา เราเลือกประเทศไทยก่อน เพราะฉะนั้นถ้ามีความชัดเจนอาจจะยกเลิกเลยก็ได้โดยคณะรัฐมนตรี ขอย้ำว่านี่เป็นการให้เกียรติประชาชน ถ้าถามตนถ้าตนทำเองตนยกเลิกไปแล้ว

"คำว่า MOU คือ Memorandum of Understanding ถ้าเป็น MOU ทั่วไปจะเขียนภายใน 2 ปี ถ้ายังไม่บรรลุวัตถุประสงค์ ก็ต้องถือว่าเป็นอันสิ้นสุดไป เขาเขียนกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผมก็ต้องไปดูบริบทใน MOU 43 , 44 ก่อน ว่ามีการสิ้นสุดไปของ MOU นี้หรือไม่อย่างไร ถ้าไม่ได้กำหนดเลย ก็ต้องบอกว่าแล้วเข้าใจอะไรกันกว่า 20 ปี ไม่เข้าใจ ยังหาข้อตกลงไม่ได้ และยังห่างจากการบรรลุข้อตกลง แล้วจะเก็บไว้ทำไม เก็บไว้ให้เป็นประโยชน์ของใคร ถ้าประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ ถ้าประเทศไทยได้ประโยชน์ก็จะเก็บ ถ้าประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์ก็ยกเลิก" นายอนุทินกล่าว

MOU ปกติ ภาษากฎหมายเขาบอกว่าไม่มี legal binding (ข้อผูกมัดทางกฎหมาย) ถ้าเกิดอยากจะให้มัน Binding agreement ให้มีข้อผูกมัดผูกพันกันเหมือนของตนกับพรรคประชาชนที่ทำ MOA อันนี้ผูกมัดผูกพันเบี้ยวไม่ได้ภายใน 4 เดือน ต้องยุบสภา แต่ MOU คือ การเข้าใจกันเมื่อไม่เข้าใจกันเมื่อไหร่ก็เลิก นี่คือการตีความเบื้องต้นของตัวเอง ซึ่งก็ต้องถามผู้รู้ทางกฎหมาย

เมื่อถามว่า ต้องถามฝ่ายความมั่นคงด้วยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นี่คือเรื่องของคณะรัฐมนตรีถ้าเกิดการตัดสินใจก็ต้องตัดสินใจโดยคณะรัฐมนตรี ฉะนั้นจะต้องรอคณะกรรมาธิการก่อน ถึงจะทราบว่าในวันเลือกตั้งจะมีการทำประชามติเรื่องนี้ด้วยหรือไม่

"ทูตรัศม์" ชี้ ยกเลิก MOU 43 จะเสียมากกว่าได้ เตือนสติคอย่าหลงกลกลุ่มการเมือง

รัศม์ ชาลีจันทร์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงถึงผลได้ผลเสียและตอบทุกข้อสงสัยอย่างตรงไปตรงมา โดยยืนยันว่าการยกเลิก MOU ในขณะนี้ จะทำให้ไทยเสียเปรียบและเข้าทางกัมพูชา 

MOU 43/44 เป็นเพียง “กรอบเจรจา” ไม่ใช่ “สัญญาเสียดินแดน”

เริ่มต้นด้วยการทำความเข้าใจพื้นฐานว่า MOU ทั้งสองฉบับ ไม่ใช่ผลลัพธ์สุดท้ายของการเจรจา แต่เป็นเพียง “กรอบการเจรจา” (Framework for Negotiation) ที่สองประเทศตกลงร่วมกันเพื่อกำหนดกติกาในการพูดคุย โดยท้ายที่สุด ผลลัพธ์ของการเจรจาจะต้องนำเข้าสู่การเห็นชอบของรัฐสภาก่อนจึงจะมีผลทางกฏหมายแท้จริง 

รัฐบาลหรือใครจะไปตกลงเองตามลำพังไม่ได้ 

“MOU 43 เป็นการกำหนดกติกาว่าเราจะคุยกันเรื่องอะไรบ้าง มีวาระอะไรบ้าง โดยมีสาระสำคัญคือ 1) การแก้ปัญหาต้องเป็นการเจรจาทวิภาคีโดยสันติ 2) มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นกลไกหลักในการคุย และ 3) ระบุเอกสารอ้างอิงที่จะใช้ร่วมกัน” นายรัศม์กล่าว

ในอดีตเคยมีการประชุม JBC กันมาก่อนที่จะมี MOU แต่การเจรจาเป็นไปอย่างไม่มีทิศทาง จึงได้สร้าง MOU 43 ขึ้นมาเพื่อให้การพูดคุยมีแบบแผนที่ชัดเจนขึ้น

ยกเลิก MOU ทำไม? ท้ายสุดก็ต้องตั้งกรอบใหม่

สำหรับข้อเสนอให้ยกเลิก MOU นายรัศม์ชี้ว่า การยกเลิกนั้นสามารถทำได้ แต่ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศจะต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งประกาศยกเลิกแล้วจะมีผลทันที

“สมมติว่าเรายกเลิกไป วันหนึ่งเมื่อจะกลับมาเจรจากันใหม่ สุดท้ายก็ต้องมานั่งตกลงกันเพื่อสร้างกรอบการเจรจาขึ้นมาอีกอยู่ดี ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำ MOU ฉบับใหม่”

ประเด็นสำคัญที่สุดที่นายรัศม์เน้นย้ำคือ “ปัจจุบันกัมพูชาเป็นฝ่ายที่กำลังละเมิดข้อตกลงใน MOU 43 อยู่แล้ว” ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในพื้นที่ที่ตกลงกันว่าห้ามเปลี่ยนแปลง หรือความพยายามที่จะหลีกเลี่ยงการเจรจาทวิภาคีตามกรอบ JBC เพื่อนำเรื่องไปสู่เวทีอื่น เช่น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) ยิ่งยกเลิกก็ยิ่งเข้าทางเขา

“พูดให้เข้าใจง่ายๆ MOU43 คือเงื่อนไขสำคัญที่ยังดึงให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจากับไทย”

รัศม์ กล่าวว่า แม้จะชื่อว่า MOU แต่ในทางกฎหมายระหว่างประเทศมีสถานะเทียบเท่าสนธิสัญญาที่มีพันธกรณีผูกมัด ทุกวันนี้กัมพูชาพยายามจะหนีจากพันธกรณีนี้ ดังนั้น หากเราเป็นฝ่ายยกเลิก MOU ตอนนี้ ก็จะเข้าทางเขาเลย เพราะเท่ากับเราปลดปล่อยเขาออกจากพันธกรณีที่ต้องคุยกับเราในโต๊ะเจรจา การที่เรายังยืนยันใน MOU นี้ ก็เพื่อจะชี้ให้โลกเห็นว่ากัมพูชาเป็นฝ่ายที่ไม่ทำตามข้อตกลง

พรรคการเมืองไทยที่ชงให้ยกเลิก MOU43 รับงานใครหรือเปล่า?

เมื่อข้อเท็จจริงเป็นแบบนี้ แปลว่าพรรคการเมืองที่เสนอให้ยกเลิกข้อตกลงนี้ รับงานใครมาหรือไม่?”

รัศม์ กล่าวว่า แปลกใจที่เห็นบางพรรคออกมาเรียกร้องให้ยกเลิก MOU ทั้งสองฉบับ ทั้งที่พรรคดังกล่าวที่เคยอยู่ร่วมในรัฐบาลก่อนหน้าร่วมสิบปีที่แล้ว ก็ไม่เคยคัดค้านอะไรแสดงว่าย่อมเห็นด้วย แต่วันนี้มาเปลี่ยนท่าทีแบบไร้หลักการ ก็ทำให้น่าสงสัยในเจตนาและความบริสุทธิ์ใจ

 

related