svasdssvasds

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025: Global Climate Tech towards Innovation Nation ชี้แนวโน้มนวัตกรรมไทย พร้อมแลกเปลี่ยนแนวโน้ม และโอกาสธุรกิจ Climate Tech เพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล

สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ หรือ NIA กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) จัดงาน Global Innovation Forum 2025 ณ​ Vibration Room โรงแรมโนโวเทล สยาม ภายใต้หัวข้อ “Global Climate Tech towards Innovation Nation” เพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความรู้และมุมมองระดับโลกที่จะร่วมกันผลักดันนวัตกรรมไทยสู่อนาคต เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2568

โดยในงานมีการนำเสนอประเด็นสำคัญด้านนวัตกรรมไคลเมทเทค และแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยสู่ตลาดสากล อันประกอบด้วย 1) NIA กับก้าวต่อไปของนวัตกรรมไทย 2) แนวโน้มกระแสการเปลี่ยนแปลงระดับโลกทางด้านไคลเมทเทค (Global Mega Trend in Climate Tech)  และ 3) โอกาสและความท้าทายของธุรกิจนวัตกรรมด้านไคลเมทเทคในตลาดโลก (Global Opportunity & Challenge for Climate Tech Innovative Business) ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถรับชมวิดีโอย้อนหลังผ่านช่องทางออนไลน์จากเพจ NIA และ Innovation Thailand ได้อีกด้วย

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวเปิดงาน พร้อมชี้ให้เห็นแนวโน้มการขับเคลื่อนนวัตกรรมทั่วโลก ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

“นวัตกรรมไทยยังมีโอกาสที่จะขับเคลื่อนสู่การเติบโตระดับโลกต่อไป โดยหัวใจสำคัญอยู่ที่การเร่งสร้างผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในตลาดโลก จากจุดเด่นด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ซึ่ง NIA ตั้งเป้าที่จะสร้างระบบนิเวศนวัตกรรมครบวงจร ผ่านการทำงานร่วมกับพันธมิตรทั้งในและต่างประเทศ สร้างผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน ภายใต้กลยุทธ์ ‘Groom - Grant - Growth - Global’ อันเป็นการเพิ่มจำนวนผู้ประกอบการฐานนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในตลาด สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจฐานนวัตกรรม”

นอกจากนั้น NIA ยังคงมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้เกิด Thailand Innovation Hub เพื่อสร้างเครือข่ายศูนย์กลางนวัตกรรมที่เชื่อมโยงทั่วประเทศ สนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้สามารถเติบโต สร้างโอกาสขยายตลาดและแหล่งเงินทุน ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีศักยภาพของไทย ผ่านโปรแกรมเร่งสร้างการเติบโตของธุรกิจนวัตกรรมใน 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ การเกษตร อาหาร การแพทย์และสุชภาพ พลังงานและสิ่งแวดล้อม และท่องเที่ยว/ ซอฟต์พาวเวอร์/ สังคม

ตลอดจนการยกระดับวิสาหกิจฐานนวัตกรรมให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด พร้อมต่อยอดการลงทุนสู่ตลาดสากลผ่าน 3 โปรแกรม ได้แก่

  1. Corporate Spark เน้นการจับคู่ธุรกิจกับสตาร์ตอัปนานาชาติที่มีเทคโนโลยีหรือบริการโดดเด่น
  2. Global Market Link สร้างโอกาสเชื่อมโยงและขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
  3. Global Investment Link ยกระดับศักยภาพเพื่อโอกาสรับการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ
  4. NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

ภายหลังการกล่าวเปิดงาน ก็เข้าสู่เวทีเสวนาแรกเกี่ยวกับแนวโน้มกระแสการเปลี่ยนแปลงระดับโลกทางด้านไคลเมทเทค ภายใต้หัวข้อ “Global Mega Trend in Climate Tech” โดยมีแขกรับเชิญพิเศษ ได้แก่ คุณภคมน สุภาพพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักรับรองธุรกิจคาร์บอนต่ำ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) คุณวีรศักดิ์ พงษ์ธัญญวิชัย หัวหน้าฝ่ายพัฒนาความยั่งยืนองค์กร ทรู คอร์ปอเรชั่น จํากัด (มหาชน) และ รศ.ดร.สุทธิรัตน์ กิตติพงษ์วิเศษ ผู้ประสานงานวิจัยความเสี่ยงทางสภาพภูมิอากาศและการรู้รับปรับฟื้น และหัวหน้าหน่วยบริการและจัดการคาร์บอน สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

คุณภคมน เริ่มเซสชั่น โดยกล่าวถึงบทบาทของไคลเมทเทคว่าจะเป็นตัวพลิกเกมส์ (Game Changer) ที่สามารถสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจมหาศาลให้ไทย เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันเกี่ยวพันกับความยั่งยืนทั้งด้านเศรษฐกิจและสังคมโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่โลกมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050 ภายใต้กรอบความตกลงปารีส (The Paris Agreement) เพื่อควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส

สำหรับภาคธุรกิจไทย คุณภคมนระบุว่า ความท้าทายและโอกาสจะอยู่ที่การปรับตัวตามมาตรการสากล เช่น การรายงาน Carbon Footprint ของสินค้า โดยเฉพาะตลาดยุโรปที่เริ่มใช้มาตรการเข้มงวด นอกจากช่วยให้ผู้ประกอบการรับรู้ และลดแหล่งปล่อยก๊าซได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดต้นทุนในระยะยาว ปัจจุบันมีองค์กรไทยมากกว่า 1,700 แห่งที่รายงานการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และกว่า 100 องค์กรประกาศเป้าหมาย Net Zero สะท้อนถึงการเติบโตอย่างก้าวกระโดดและการนำเทคโนโลยีสีเขียว (Green Tech) มาเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันบนเวทีโลก

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

ต่อมาทาง รศ.ดร.สุทธิรัตน์ ได้ฉายภาพให้เห็นว่า ไคลเมทเทคกำลังกลายเป็นตัวพลิกเกมส์ของเศรษฐกิจและสังคมโลก เพราะไม่เพียงเกี่ยวข้องกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Mitigation) เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงกับมาตรการทางการค้าระดับโลกอย่างกลไกปรับคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ที่บังคับใช้กับอุตสาหกรรมหลักอย่างเหล็กและซีเมนต์ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจึงไม่ใช่แค่ความท้าทาย แต่ยังเป็นโอกาสสำหรับการลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) การคมนาคมอัจฉริยะ (Smart Mobility) และการเกษตรอัจฉริยะเพื่อภูมิอากาศ (Climate Smart Agriculture) ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้ได้ตามบริบทของแต่ละอุตสาหกรรม

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

รศ.ดร.สุทธิรัตน์ ได้เน้นย้ำถึงบทบาทของภาคการศึกษา และการวิจัยที่ต้องปรับตัวให้ทันความเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการพัฒนา Deep Tech ที่จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) ซึ่งต้องขยายจากระดับห้องปฏิบัติการไปสู่ระดับเมือง รวมถึงการสร้างระบบนิเวศน์ (Ecosystem) เพื่อก่อให้เกิดการลงมือปฏิบัติด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Action) อย่างแท้จริงในทุกระดับ ทั้งผู้ผลิต ผู้บริโภค และชุมชนท้องถิ่น พร้อมผลักดันการศึกษาด้านสภาพภูมิอากาศเพื่อทุกคน (Climate Education for All) เพื่อปลูกฝังวัฒนธรรมด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้เป็นหัวข้อร่วมของสังคมไทย ซึ่งจะช่วยสร้างความพร้อมของบุคลากรสายธุรกิจสีเขียว (Green Business) ที่มีแนวโน้มเป็นที่ต้องการสูงและมีอัตราการว่างงานต่ำ

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

สำหรับภาคธุรกิจ ทาง รศ.ดร.สุทธิรัตน์ เห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องบูรณาการไคลเมทเทค รวมถึงการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) เศรษฐกิจชีวภาพ-หมุนเวียน-สีเขียว (BCG) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เข้าสู่กลยุทธ์องค์กร เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในอนาคต

ส่วนบทบาทของภาคเอกชนในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านไคลเมทเทค คุณวีรศักดิ์กล่าวถึงวิสัยทัศน์การลงทุนใน 3 ด้านหลักของทรู ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล (Digital Infrastructure) การสร้างบุคลากรและนวัตกรรมใหม่ (De-globalization) และการลดการปล่อยคาร์บอน (Decarbonization) พร้อมสะท้อนมุมมองว่า ธุรกิจไม่ควรมองเป็นภาระ แต่คือโอกาสที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน โดยทรูและคู่ค้าทั้งหมดได้ร่วมกันตั้งเป้าหมาย Net Zero พร้อมขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Cell) และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสนับสนุนพันธมิตรธุรกิจที่ดำเนินงานไปในทิศทางเดียวกัน

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

คุณวีรศักดิ์ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ความท้าทายสำคัญ คือ การทำให้เทคโนโลยีและกระบวนการต่างๆ ได้รับการยอมรับในระดับสากล รวมถึงการสร้างการมีส่วนร่วมจากทั้งพนักงาน คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วน โดยเชื่อว่าหากทุกฝ่ายร่วมกันขับเคลื่อน ประเทศไทยจะสามารถตามทันกระแสโลกและสร้างความยั่งยืนได้อย่างเป็นรูปธรรม

ถัดมาในหัวข้อ “Global Opportunity & Challenge for Climate Tech  Innovative Business” ซึ่งจะพูดคุยถึงโอกาสและความท้าทายของธุรกิจนวัตกรรมด้านไคลเมทเทคในระดับโลก โดยมีคุณพิพัฒน์ อภิรักษ์ธนากร ผู้เชี่ยวชาญด้านความยั่งยืน และผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์ม ECOLIFE คุณประพันธ์ศักดิ์ รักษ์ไชยวรรณ ประธานคณะอนุกรรมการกำกับดูแลกิจการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และคุณพงษ์ศักดิ์ เหลืองจินดารัตน์ Chief Strategy and Sustainability Officer Bangkok Industrial Gas (BIG) มาแลกเปลี่ยนความเห็นถึงโอกาสและความท้าทายที่รออยู่ในการก้าวไปสู่การแข่งขันด้านไคลเมทเทคในระดับสากล

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

คุณพงษ์ศักดิ์กล่าวว่า การบรรลุเป้าหมาย Net Zero ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการผลิตพลังงานสะอาดเท่านั้น แต่ยังต้องมีระบบจัดการคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นจากกระบวนการผลิตด้วย ซึ่งเขามองว่าเทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์ และการกักเก็บคาร์บอน (CCUS) จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างสมดุลระหว่างการผลิตและสิ่งแวดล้อม พร้อมย้ำว่าไคลเมทเทคไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดเก็บพลังงาน แต่รวมถึงการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management System) ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้สอดรับกับความต้องการใช้ไฟฟ้าที่แตกต่างระหว่างกลางวันและกลางคืน

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

สำหรับประเด็นเรื่องความท้าทาย คุณพงษ์ศักดิ์ระบุว่า ผู้บริโภคไทยตื่นตัวต่อประเด็น Net Zero มากขึ้น แต่ธุรกิจก็ยังต้องหาวิธีทำให้เทคโนโลยีด้านพลังงานสะอาดมีต้นทุนที่เหมาะสม (Affordable) เพื่อไม่ให้กระทบต่อเศรษฐกิจและผู้ใช้ปลายทาง โดยเฉพาะในภาค B2B ที่ต้องเผชิญกับต้นทุนการนำเข้าไฮโดรเจนหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังสะท้อนว่าแนวโน้มการลงทุนของ Venture Capital ด้าน Climate Tech เริ่มชะลอตัว ทำให้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และสตาร์ทอัพมีความสำคัญมากขึ้น รวมถึงการต่อยอดทรัพยากรและสินทรัพย์ที่มีอยู่เดิม ควบคู่กับการพัฒนานวัตกรรมและบุคลากร เพื่อสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจในระยะยาว

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

คุณประพันธ์ศักดิ์ กล่าวว่า ภาคอสังหาริมทรัพย์ถือเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนการปล่อยคาร์บอนสูง จึงต้องเร่งปรับตัวและประยุกต์ใช้ไคลเมทเทคในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นด้านการออกแบบ การก่อสร้าง การขนส่ง การปกป้องสิ่งแวดล้อม และการตรวจวัดผล ซึ่งล้วนเปิดโอกาสในการนำนวัตกรรมเข้ามาช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยพฤติกรรมผู้บริโภคในรอบ 6 ปีที่ผ่านมาเปลี่ยนไป จากเดิมที่เลือกซื้อบ้านและคอนโดด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย มาสู่การให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีอัจฉริยะ และการอยู่อาศัยที่ส่งเสริมสุขภาวะ (Wellness) มากขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ

นอกจากนั้น คุณประพันธ์ศักดิ์ยังฉายภาพถึงเสาหลักด้านความยั่งยืน (Profit–Planet–People) ซึ่งยังคงต้องการ “ตัวกลาง” เพื่อเชื่อมโยงทุกฝ่ายให้ไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งในแง่เงินทุน (Accessibility to Funds) ความรู้และทักษะ (Skills/Knowledge) และทิศทางจากภาครัฐและผู้นำองค์กร นวัตกรรมโดยไม่จำกัดเแค่เทคโนโลยีดิจิทัล แต่รวมถึงการออกแบบที่ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติ กระบวนการผลิตสีเขียว ระบบมอนิเตอร์ที่ช่วยผู้บริหารตัดสินใจ ไปจนถึงนวัตกรรมที่สร้างพฤติกรรมใหม่ในชุมชน พร้อมเสนอให้ทุกภาคส่วนตั้งแต่ สตาร์ทอัป ภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา และหน่วยงานรัฐ ร่วมมือกันผ่านโมเดล “4C” ได้แก่ Context, Connect, Collective, และ Consistent เพื่อผลักดันการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรม

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

คุณพิพัฒน์แชร์ว่า ปัจจุบันกลุ่มผู้บริโภค Gen Z กว่า 70% เลือกซื้อสินค้าที่สนใจความยั่งยืนและพร้อมจ่ายเพิ่มหากธุรกิจมีความโปร่งใส (Transparency) ซึ่งนั่นคือโอกาสสำคัญ โดยในส่วนของ ECOLIFE ได้มุ่งเน้นการเปลี่ยนความตระหนักรู้ (Awareness) ให้กลายเป็นการลงมือทำจริง (Action) ผ่านการติดตามและสร้างแรงจูงใจด้วยเกมมิฟิเคชัน (Gamification) ทำให้แพลตฟอร์มสามารถขยายผลได้อย่างกว้างขวาง

คุณพิพัฒน์ยังเน้นย้ำด้วยว่า การยืนระยะของธุรกิจด้านความยั่งยืนเป็นเรื่องสำคัญ เพราะปัญหาสภาพภูมิอากาศไม่ได้รุนแรงหรือชัดเจนเหมือนวิกฤติฉุกเฉินอื่นๆ จุดนี้มักทำให้ผู้คนไม่ใส่ใจอย่างจริงจัง นอกจากนั้น การสร้างนวัตกรรมควรต้องตอบโจทย์ที่แท้จริงได้ สามารถแก้ไข Pain Point ของผู้บริโภคและสังคม ซึ่งการดึงบุคลากรที่เหมาะสมเข้าร่วมงาน และมีแผนการทำงานชัดเจน จะช่วยให้โครงการประสบความสำเร็จ และแม้เริ่มต้นด้วยงบประมาณจำกัด การลงมือทำตั้งแต่วันนี้ก็สามารถสร้างความน่าสนใจสำหรับนักลงทุนและสตาร์ทอัพด้านความยั่งยืนในอนาคต

NIA จัดงาน Global Innovation Forum 2025 : อนาคต Climate Tech และเศรษฐกิจนวัตกรรมไทยในตลาดโลก

นอกเหนือจากเวทีเสวนาที่ร่วมถ่ายทอดมุมมองและประสบการณ์ในงาน Global Innovation Forum 2025 แล้ว ในงานยังปิดท้ายด้วยกิจกรรมเวิร์กชอป เพื่อแลกเปลี่ยนข้อเสนอแนะ ภายใต้หัวข้อ Recommendation for Climate Tech Innovation Development in Thailand: ข้อเสนอแนะแนวทางการสร้างนวัตกรรมด้านไคลเมทเทคในประเทศไทย โดย คุณณัฐดนย์ โกศัยธนอนันท์ ที่มารับหน้าที่ Facilitator โดยเปิดให้ผู้เข้าร่วมงานทุกท่านร่วมกันกำหนดแนวทางพัฒนาศักยภาพไคลเมทเทคของไทย (Climate Tech Ecosystem) ให้เข้มแข็งและแข่งขันได้ในระดับสากล

related