svasdssvasds

รู้จัก คิม จีนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกาหลีใต้ นำทัพสู้สแกมเมอร์กัมพูชา

รู้จัก คิม จีนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกาหลีใต้ นำทัพสู้สแกมเมอร์กัมพูชา

คิม จีนา รผู้ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ นำการทูตยุทธศาสตร์แก้วิกฤตอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา หลังนักศึกษาโสมขาวถูกทรมานจนเสียชีวิต

SHORT CUT

  • วิกฤตในกัมพูชามีจุดเริ่มต้นจากข่าวร้ายและการค้นพบศพนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้ที่ถูกทรมานจนเสียชีวิตในจังหวัดกัมปอต
  • การที่รัฐบาลกรุงโซลส่งผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านความมั่นคงที่มีประวัติทำงานด้านภัยคุกคามนิวเคลียร์มาทำภารกิจด้านอาชญากรรมข้ามชาติ
  • แสดงให้เห็นว่าเกาหลีใต้มองว่าวิกฤตการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้เป็น ประเด็นความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงอาชญากรรมธรรมดา

คิม จีนา รผู้ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศเกาหลีใต้ นำการทูตยุทธศาสตร์แก้วิกฤตอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา หลังนักศึกษาโสมขาวถูกทรมานจนเสียชีวิต

เรื่องราวเริ่มต้นจากข่าวร้ายที่สร้างความสะเทือนขวัญไปทั่วเกาหลีใต้ การค้นพบศพนักศึกษามหาวิทยาลัยชาวเกาหลีใต้รายหนึ่งในจังหวัดกัมปอต ประเทศกัมพูชา โดยศพแสดงร่องรอยของการถูกทรมานจนเสียชีวิต

รู้จัก คิม จีนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกาหลีใต้ นำทัพสู้สแกมเมอร์กัมพูชา

เหตุการณ์น่าเศร้าครั้งนี้ไม่ใช่เพียงอาชญากรรมธรรมดา แต่เป็นจุดกระตุ้นให้รัฐบาลกรุงโซลต้องดำเนินการขั้นสูงสุด เนื่องจากกรณีการถูกกักขังและบังคับใช้แรงงานชาวเกาหลีใต้ในศูนย์ปฏิบัติการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชาได้พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จาก 17 กรณีในปี 2023 เป็น 330 กรณีภายในเดือนสิงหาคม 2025

รู้จัก คิม จีนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกาหลีใต้ นำทัพสู้สแกมเมอร์กัมพูชา

เมื่อเผชิญกับวิกฤตความมั่นคงที่แฝงมากับอาชญากรรมข้ามชาติ รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ส่งคณะผู้แทนฉุกเฉินระดับสูงนำโดย คิม จีนา (Kim Jina) ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ 

การเลือกบุคคลที่มีภูมิหลังอันแข็งแกร่งด้านความมั่นคงระดับสูงเช่นเธอในการจัดการกับปัญหาการฟิชชิงและค้ามนุษย์นี้ ได้สร้างความน่าสนใจทางยุทธศาสตร์อย่างยิ่ง

คิม จีนา ไม่ได้มาจากสายงานการทูตแบบดั้งเดิม แต่เป็นนักวิชาการและนักวิเคราะห์ความมั่นคงชั้นนำ การตอบสนองของเธอต่อวิกฤตในกัมพูชาจึงเป็นตัวอย่างของการใช้กลยุทธ์การทูตแบบใหม่ 

รู้จัก คิม จีนา ผู้ช่วยรัฐมนตรีเกาหลีใต้ นำทัพสู้สแกมเมอร์กัมพูชา

การดำเนินการของเธอได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเกาหลีใต้ในการปกป้องพลเมือง และรักษาเสถียรภาพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

รากฐานแห่งยุทธศาสตร์ จากภัยคุกคามนิวเคลียร์สู่การทูตแนวใหม่

คิม จีนา เป็นนักวิชาการด้านความมั่นคงที่เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงทางการทูต เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกสาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจาก Fletcher School of Law and Diplomacy, Tufts University ซึ่งเป็นสถาบันที่มีชื่อเสียง 

ความเชี่ยวชาญหลักของเธอคือความมั่นคงเชิงแข็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำงานในฐานะหัวหน้ากองทัพเกาหลีเหนือที่สถาบันวิเคราะห์กลาโหมเกาหลี (KIDA) 

เธอมีความชำนาญในประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีเหนือ การไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ และความมั่นคงในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ

การที่ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงซึ่งมีประวัติทำงานด้านความมั่นคงที่มีเดิมพันสูง (ภัยคุกคามนิวเคลียร์) ถูกส่งมาทำภารกิจด้านอาชญากรรมข้ามชาติ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนไปยังกัมพูชาและประชาคมโลกว่า กรุงโซลมองว่าวิกฤตการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้เป็นประเด็นความมั่นคงแห่งชาติที่สำคัญ ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย 

ภูมิหลังด้านกลยุทธ์ของเธอทำให้การเจรจากับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต มีน้ำหนักและความจริงจังในระดับที่สูงขึ้น

ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีเธอมีหน้าที่รับผิดชอบด้านการทูตพหุภาคี ซึ่งเป็นภารกิจที่ต้องประสานงานกับหลายประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ อาชญากรรมข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมทางไซเบอร์ จึงจัดอยู่ในขอบเขตความมั่นคงพหุภาคี ซึ่งยืนยันความเหมาะสมในการนำทีมของเธอ แม้จะมีภูมิหลังด้านการป้องกันประเทศก็ตาม

อาชญากรรมสมัยใหม่ ภาพสะท้อนด้านมืดของกัมพูชา

เพื่อทำความเข้าใจการตอบสนองทางการทูตของเกาหลีใต้ จำเป็นต้องพิจารณาบริบทของวิกฤตอาชญากรรมในกัมพูชา อาชญากรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหล่านี้ (เช่น การฟิชชิงทางเสียง, การหลอกลวงโรแมนซ์, การฉ้อโกงคริปโต) ดำเนินการในรูปแบบอุตสาหกรรมจากอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ที่ถูกควบคุมอย่างแน่นหนา 

โดยพึ่งพาการค้ามนุษย์เป็นหลัก บุคคลจะถูกล่อลวงด้วยข้อเสนองานที่มีค่าตอบแทนสูง ก่อนจะถูกบังคับใช้แรงงานและถูกบังคับให้ก่ออาชญากรรม

วิกฤตการณ์นี้ถึงจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2025 เมื่อพบศพนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ที่ถูกทรมานใกล้กับภูเขาโบกอร์ในจังหวัดกัมปอต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีชื่อเสียงว่าเป็นแหล่งรวมของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เหตุการณ์นี้ได้ยืนยันความเสี่ยงต่อ "อันตรายถึงชีวิต การหายตัวไป หรือแม้กระทั่งความตาย" ที่เจ้าหน้าที่เกาหลีใต้เคยกล่าวถึงในเวทีสหประชาชาติ

สิ่งที่ทำให้ภารกิจของ คิม จีนา ซับซ้อนยิ่งขึ้น คือช่องว่างด้านธรรมาภิบาล ในกัมพูชา รายงานของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ และองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนชี้ให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่ออาชญากรรม 

โดยมีปัญหาการทุจริตในรัฐบาลอย่างร้ายแรง การขาดความเป็นอิสระของตุลาการ และมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่อาจให้ความช่วยเหลือเหยื่อชาวต่างชาติแบบเลือกปฏิบัติ บางครั้งถึงขั้นลงโทษเหยื่อหรือเรียกร้องสินบนเพื่อปล่อยตัว 

สถานการณ์นี้แสดงให้เห็นว่าคณะผู้แทนเกาหลีใต้ไม่ได้เจรจาเพียงแค่กับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายเท่านั้น แต่ยังต้องต่อสู้กับเครือข่ายทุจริตที่ฝังรากลึกด้วย

การที่เกาหลีใต้ตัดสินใจนำเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการใช้แรงกดดันพหุภาคีต่อกัมพูชา 

ซึ่งบ่งชี้ถึงความไม่เชื่อมั่นในประสิทธิภาพของความร่วมมือทวิภาคีแต่เพียงอย่างเดียวก่อนที่ คิม จีนา จะเดินทางไปเยือน

ปฏิบัติการทางการทูตสายฟ้าแลบในกัมพูชา การเจรจาที่เดิมพันสูง

ภายหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญ คิม จีนา ได้นำคณะผู้แทนฉุกเฉิน ซึ่งประกอบด้วยเจ้าหน้าที่สำคัญจากหลายหน่วยงาน รวมถึง พัค ซองจู หัวหน้าสำนักงานสอบสวนแห่งชาติ (ตำรวจ) 

การรวมทีมระหว่างการทูตและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินการอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

คิม จีนา ได้พบปะโดยตรงกับนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ในระหว่างการประชุม เธอได้ "เรียกร้องให้กัมพูชาดำเนินการอย่างเข้มแข็งมากขึ้นในการต่อต้านอาชญากรรมหลอกลวงออนไลน์" 

ด้านนายกฯ ฮุน มาเนต ได้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการเสียชีวิตของนักศึกษาและให้คำมั่นว่าจะพยายามมากขึ้นในการปกป้องชาวเกาหลีใต้ในกัมพูชา

กลยุทธ์ที่ใช้ในการเจรจาครั้งนี้เป็นการใช้ "ไม้แข็งและไม้อ่อน" เชิงยุทธศาสตร์

1.ไม้แข็ง เกาหลีใต้ได้ยกระดับคำแนะนำการเดินทางเป็นคำเตือนพิเศษสำหรับพื้นที่อันตราย เช่น ภูเขาโบกอร์ 

นายกฯ ฮุน มาเนต แสดงความกังวลว่ามาตรการนี้จะส่งผลกระทบในทางลบต่อการลงทุนและการท่องเที่ยว 

การที่ คิม จีนา ยืนยันว่ามาตรการนี้ "หลีกเลี่ยงไม่ได้เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน" ได้แสดงให้เห็นถึงการใช้แรงกดดันทางการทูตอย่างหนักแน่น

2.ไม้อ่อน เพื่อบรรเทาความตึงเครียดและสนับสนุนความร่วมมือระยะยาว คิม จีนา ได้กล่าวถึงการที่เกาหลีใต้จะ "สำรวจโครงการความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเพื่อสนับสนุนและเสริมสร้างศักยภาพด้านความมั่นคงสาธารณะของกัมพูชา" 

การเชื่อมโยงความช่วยเหลือด้านการพัฒนากับการปรับปรุงความสามารถด้านความมั่นคงเป็นการจัดตำแหน่งผลประโยชน์ของเกาหลีใต้ให้สอดคล้องกับความต้องการด้านการพัฒนาของกัมพูชาอย่างชาญฉลาด

ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและสำคัญที่สุดคือการเห็นชอบให้จัดตั้ง คณะทำงานร่วมเกาหลีใต้-กัมพูชา เพื่อต่อสู้กับอาชญากรรมการหลอกลวง เพื่อให้มั่นใจว่ามีความพยายามที่ประสานงานกันอย่างต่อเนื่องนอกเหนือจากวิกฤตการณ์เฉพาะหน้า

การวัดผลกระทบและภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในการส่งกลับ

ความสำเร็จที่เห็นได้ชัดเจนทันทีคือการส่งกลับชาวเกาหลีใต้ 64 คนที่ถูกควบคุมตัวในกัมพูชาเนื่องจากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการหลอกลวงทางไซเบอร์

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ซับซ้อนตามมาคือ ภาวะขัดแย้งระหว่าง "เหยื่อ" และ "ผู้กระทำผิด" บุคคลเหล่านี้ถูก จับกุม ทันทีที่เดินทางถึงสนามบินนานาชาติอินชอน 

โดยถูกปฏิบัติต่อในฐานะผู้ต้องสงสัยทางอาญาที่อาจมีส่วนร่วมในการฟิชชิงทางเสียงและการหลอกลวง การตัดสินใจนี้สะท้อนว่ารัฐบาลเกาหลีใต้ต้องการแสดงจุดยืนที่เข้มแข็งต่ออาชญากรรมทางการเงินที่พุ่งเป้ามายังพลเมืองของตนเอง แม้ว่าบุคคลเหล่านั้นอาจถูกล่อลวงหรือถูกค้ามนุษย์ในตอนแรกก็ตาม

ผู้แทนฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติระบุว่า กลุ่มผู้ถูกส่งกลับนี้รวมถึง "ผู้เข้าร่วมโดยสมัครใจและผู้เข้าร่วมโดยไม่สมัครใจ" 

ซึ่งตอกย้ำถึงภาระทางตุลาการอันใหญ่หลวงในการแยกแยะเหยื่อที่ถูกบังคับออกจากผู้ที่เต็มใจเข้าร่วมกิจกรรมทางอาญา การจับกุมทันทีเมื่อเดินทางถึงจึงเป็นทางเลือกเชิงนโยบายที่เน้นย้ำว่า 

กระบวนการทางกฎหมายจะต้องพิจารณาความผิดและความบริสุทธิ์อย่างถี่ถ้วน เพื่อรักษาสมดุลระหว่างการให้ความช่วยเหลือเหยื่อกับการต่อสู้กับภัยคุกคามทางการเงินในระดับชาติ

ความสำเร็จในการจัดการวิกฤตครั้งนี้ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของเกาหลีใต้ในฐานะหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ที่เชื่อถือได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายริเริ่มความสามัคคีเกาหลี-อาเซียน (KASI) 

การแก้ไขปัญหาภัยคุกคามข้ามชาติที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและการทุจริต (ดังที่ปรากฏในรายงานของสหรัฐฯ) ถือเป็นสิ่งสำคัญที่เกาหลีใต้จะบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้เล่นหลักในอินโด-แปซิฟิก 

การให้ความร่วมมือด้านการพัฒนาเพื่อเสริมสร้างศักยภาพด้านความมั่นคงของกัมพูชาที่ คิม จีนา เสนอ ยังชี้ให้เห็นถึงกลยุทธ์ระยะยาวในการแก้ไข "ต้นเหตุ" ของปัญหา ซึ่งเป็นแนวทางที่ก้าวหน้ากว่าการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

การจัดการวิกฤตของ คิม จีนา ในกัมพูชาเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จของการใช้ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด เธอสามารถใช้ทักษะการวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์เพื่อควบคุมวิกฤตที่เต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกและแรงกดดันทางสังคม 

ขณะเดียวกันก็ขับเคลื่อนเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ระยะยาวของเกาหลีใต้ในภูมิภาคนี้

ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม การจัดตั้งคณะทำงานร่วม, การได้รับความร่วมมือจากนายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต, และการส่งกลับพลเมือง 64 คนแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จทางการทูตที่เด็ดขาด

เหตุการณ์นี้ได้ยืนยันว่าภัยคุกคามด้านความมั่นคงสมัยใหม่สำหรับประเทศมหาอำนาจขนาดกลางอย่างเกาหลีใต้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่คาบสมุทรเกาหลีหรือความกังวลทางทหารแบบเดิมอีกต่อไป อาชญากรรมข้ามชาติ, การค้ามนุษย์, และการฉ้อโกงทางไซเบอร์ได้กลายเป็นความท้าทายหลักด้านนโยบายต่างประเทศที่ต้องอาศัยการเข้าถึงเชิงกลยุทธ์และบุคลากรทางการทูตที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง 

การลงทุนอย่างต่อเนื่องผ่านคณะทำงานร่วมจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมเหล่านี้ในอนาคต

อ้างอิง

Korea / AsiaOnline / HumanLight / TheGuardian / Apln / Carnigeen / AriRang / Japan / UN / USA / America / KoraTimes / AP / IFans / KNDA /

 

related