แกะรอยผู้ถือหุ้น "ปริ้นซ์ อินเตอร์" ในไทย ปัดเอี่ยว เฉิน จื้อ-Prince Group
ชื่อของ "ปริ้นซ์ อินเตอร์" กำลังถูกจับตา ว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่าย “ปริ้นซ์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง” ของ “เฉิน จื้อ” หรือไม่ โดยผู้ถือหุ้นทั้งในอดีตและปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นๆ หลายแห่ง
SHORT CUT
- บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีความเชื่อมโยงกับ "ปริ้นซ์ กรุ๊ป" ของ "เฉิน จื้อ" ซึ่งเป็นเครือข่ายที่ถูกสหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำในฐานะกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ
- จากการตรวจสอบข้อมูลบริษัทในไทย พบว่ามีกรรมการและผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นชาวไต้หวัน คือ นายหวัง ยู่ ถัง ถือหุ้น 49% ร่วมกับคนไทย และมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างผู้ถือหุ้นและประเภทธุรกิจบ่อยครั้ง
- บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้ออกเอกสารปฏิเสธความเกี่ยวข้องกับปริ้นซ์ กรุ๊ป และการพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายใดๆ ทั้งสิ้น
- บริษัท ซิโน-ไทยฯ เจ้าของอาคารที่ตั้งสำนักงาน และบริษัทอสังหาริมทรัพย์อื่นๆ ที่ถูกพาดพิง ได้ออกมาปฏิเสธความเกี่ยวข้องทั้งหมดเช่นกัน
ชื่อของ "ปริ้นซ์ อินเตอร์" กำลังถูกจับตา ว่ามีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับเครือข่าย “ปริ้นซ์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง” ของ “เฉิน จื้อ” หรือไม่ โดยผู้ถือหุ้นทั้งในอดีตและปัจจุบันมีความเชื่อมโยงกับบริษัทอื่นๆ หลายแห่ง
ชื่อของ บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กำลังเป็นที่จับตามองอย่างหนัก หลังถูกสื่อมวลชนหลายสำนัก รวมถึง “ศุภณัฐ มีนชัยนันท์” สส.จากพรรคประชาชน ได้ตั้งข้อสังเกตถึงความเชื่อมโยงที่อาจมีต่อ “ปริ้นซ์ กรุ๊ป โฮลดิ้ง” เครือข่ายของ "เฉิน จื้อ" นักธุรกิจชาวสหราชอาณาจักรและกัมพูชา ซึ่งมีชื่อติด "แบล็คลิสต์" ในร่างกฎหมายของสหรัฐอเมริกาเพื่อปราบปรามกลุ่มอาชญากรข้ามชาติ
ต้นตอของข้อสงสัยคืออะไร?
เรื่องนี้ปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา หลังสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสและบีบีซีไทยรายงานว่า พบเว็บไซต์ที่ใช้โลโก้และชื่อเดียวกับ ปริ๊นซ์ กรุ๊ป ของนายเฉิน จื้อ ซึ่งระบุว่ากลุ่มบริษัทนี้ได้เข้ามาลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์หลายแห่งในประเทศไทยด้วย โดยบริษัทดังกล่าวคือ บจก.ปริ๊นซ์ อินเตอร์เนชันแนล คอมพานี (Prince International) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงลอนดอน
เครือข่ายระดับโลก: บริษัทนี้มีสำนักงานใน ไทเป (ไต้หวัน), กรุงเทพมหานคร, ลอนดอน, และพนมเปญ (กัมพูชา) มีพอร์ตการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศรวมพื้นที่กว่า 3.6 ล้านตารางเมตร และพื้นที่พัฒนากว่า 5 ล้านตารางเมตร ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม,คลับ,ศูนย์การค้า,สำนักงาน,โรงแรม,วิลลา และเกาะต่างๆ
เว็บไซต์ดังกล่าวใช้ชื่อว่า ไต้หวัน ปรินซ์ เรียล เอทสเตท อินเวสเมนท์ (Taiwan Prince Real Estate Investment) พร้อมระบุเบอร์โทรศัพท์รหัสไต้หวัน และอ้างว่าลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์บางแห่งในไทย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันเว็บไซต์นี้ไม่สามารถเข้าถึงได้แล้ว
"ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล" ในไทยอยู่ที่ไหน
ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุว่า บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด แจ้งที่ตั้งสำนักงานใหญ่ไว้ที่ 32/28 ถนนสุขุมวิท 21 (อโศก) อาคาร "ซิโน-ไทย ทาวเวอร์" แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ ซึ่งรายละเอียดนี้เคยปรากฏบนเว็บไซต์ของบริษัทก่อนที่จะเข้าไม่ได้เช่นกัน
คำชี้แจง บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ออกเอกสารข่าว ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยยืนยันว่าประกอบธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่เคยพัวพันกับธุรกิจผิดกฎหมายใดๆ
เจ้าของอาคารก็ปฏิเสธ บริษัท ชิโน-ไทย เอ็นจีเนียริง แอนด์ คอนสดรัคชัน จำกัด (มหาชน) ในนามของบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ดูแลอาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ ก็ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า บริษัทฯ มิได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับ บริษัท บริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือเครือข่ายการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ
บริษัทแห่งนี้จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 ก.ย.2565 ทุนปัจจุบัน 2 ล้านบาท ประกอบธุรกิจนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ปรากฏชื่อนาย หวัง ยู่ ถัง สัญชาติสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) เป็นกรรมการรายเดียว นำส่งรายชื่อผู้ถือหุ้นล่าสุดเมื่อ 30 เม.ย. 2568 หวัง ยู่ ถัง ถือหุ้นใหญ่สุด 49% นายพิภพ ประทุมวัลย์ ถือ 21% นายปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ ถือ 20% นายวุฒิชัย ประทุมวัลย์ ถือ 10%
บริษัทนี้มีการแจ้งเพิ่มทุนจดทะเบียนจากเดิมในปี 2565 จำนวน 1 ล้านบาท เพิ่มเป็น 2 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 ก.ย.2566 ขณะที่นายหวัง ยู่ถัง เพิ่งเข้ามาเป็นกรรมการ เมื่อ 5 ก.ย. 2566 และนายวุฒิชัย ประทุมวัลย์ เข้ามาเป็นกรรมการเมื่อ 10 เม.ย.2567 แต่ปัจจุบัน นายวุฒิชัย ได้ยุติการเป็นกรรมการบริษัทแล้ว เหลือแค่ “หวัง ยู่ถัง” เป็นกรรมการรายเดียว
การเปลี่ยนแปลงที่น่าสังเกต
การเปลี่ยนประเภทธุรกิจ: บริษัทฯ มีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การขายสินค้าจากญี่ปุ่น (2565) เป็นการขายปลีกทั่วไป (2566) และเปลี่ยนมาเป็น นายหน้าอสังหาริมทรัพย์ ในที่สุด (13 ส.ค. 2567 และ 15 มิ.ย. 2568)
ผู้ถือหุ้นมีการเปลี่ยนแปลงหลายครั้ง
- ยุคก่อตั้ง (ม.ค. 2566) : หวัง ยู่ ถัง (49%) ร่วมกับคนไทย 2 คน (รัชกฤช นิธิธนภัทร์ 46% และ ณิชาณัญช์ ทาระศักดิ 5%)
- ส.ค. 2566 : หวัง ยู่ ถัง โอนหุ้นให้ พิง ไซอึซ์ ฮวง (สัญชาติจีน 49%) แต่คนไทย 2 คนเดิมยังถือหุ้นอยู่
- ม.ค. 2567 - ปัจจุบัน : หวัง ยู่ ถัง กลับมาถือหุ้นใหญ่ (49%) ร่วมกับคนไทย 3 คน คือ วุฒิชัย ประทุมวัลย์, พิภพ ประทุมวัลย์, และ ปริตวาทย์ กุลศรีสุวรรณ (รวม 51%) โดยสัดส่วนหุ้นของคนไทยทั้ง 3 มีการผลัดเปลี่ยนกันไปมา
"เกาหลีใต้" แฉ Prince Group แทรกซึมถึงกังนัมแล้ว
สื่อเกาหลีใต้ "ทีวี โชซอน" (TVCHOSUN) ส่งผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ย่านกังนัม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความหรูหรา ทันสมัย และมีชื่อเสียงของกรุงโซล และพบว่า "ปริ๊นซ์ กรุ๊ป" (Prince Group) บริษัทสัญชาติกัมพูชา ที่ถูกคว่ำบาตรอย่างหนักจากสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร หลังพบว่าอยู่เบื้องหลังการฉ้อโกง และค้ามนุษย์ทั่วโลก มีสำนักงานในเกาหลีใต้ด้วย ทั้งเคยจัดสัมมนาการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เกาหลีใต้ เมื่อเดือนพฤษภาคม
รายงานระบุว่า เมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา "ปริ๊นซ์ เรียล เอสเตท กรุ๊ป" ซึ่งเป็นบริษัทในเครืออสังหาริมทรัพย์ ได้เปิดสำนักงานในเกาหลี ในชื่อ "คิง'ส เมน" (King's Men) และมีการพูดถึงการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกัมพูชา และการกระจายสินทรัพย์ทั่วโลก และเป็นที่น่าสังเกตว่า ข้อมูลติดต่อของสำนักงานในเกาหลีใต้ ที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ เป็น "หมายเลขโทรศัพท์ท้องถิ่นของกัมพูชา" และเมื่อพยายามติดต่อไปตามหมายเลข ก็ได้รับฟังแต่ข้อความเสียงอัตโนมัติที่ระบุว่า "ขณะนี้เรากำลังประสบปัญหาปริมาณการโทรเข้าจำนวนมาก และไม่สามารถติดต่อได้ โปรดติดต่ออีกครั้ง"
สำนักงานของปริ๊นซ์ กรุ๊ป อยู่ในอาคารสำนักงานที่ใช้ร่วมกัน ใกล้กับศาลาว่าการกรุงโซล แต่ไม่มีป้ายชื่อบริษัท และปัจจุบันมีบริษัทอื่นใช้พื้นที่อยู่เจ้าหน้าที่ของผู้ให้เช่าพื้นที่ "โคเวิร์คกิ้ง สเปซ" (Coworking Space) เปิดเผว่า สำนักงาน (ของปริ๊นซ์ กรุ๊ป) ย้ายออกไประยะหนึ่งแล้ว
"ซิโน-ไทย" ฟ้อง "ศุภณัฐ-รักชนก" ปมหมิ่นประมาท
วันที่ 20 ต.ค. 2568 บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โพสต์เอกสารชี้แจงผ่านเฟซบุ๊กของบริษัท ระบุว่า ชี้แจง กรณีปรากฏบุคคล แสดงความคิดเห็นประเด็น "เครือข่ายสแกมเมอร์" เชื่อมโยงที่ตั้งสำนักงานอยู่ "อาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์" สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอันก่อให้เกิดความเสียหายต่อองค์กร
ตามที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับกรณี "เปิดที่ตั้ง บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด อยู่อาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์" ซึ่งได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง และมีการแสดงความคิดเห็นในหลากหลายช่องทาง รวมถึงมีการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือข้อมูลเพียงบางส่วน ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อน และส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อการประกอบกิจการชื่อเสียง และความน่าเชื่อถือขององค์กรนั้น
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ในนามของผู้กำกับดูแลบริษัทในเครือ ได้แก่ บริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ผู้รับผิดชอบดูแลอาคารฯ ขอแจ้งให้ทราบว่า บริษัทมิได้มีความเกี่ยวข้องในการประกอบกิจการใดๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม กับ บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด หรือเครือข่ายการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมอันผิดกฎหมายใดๆ
ทั้งนี้ เพื่อปกป้องสิทธิ และชื่อเสียงของบริษัท จากการเผยแพร่ข้อมูลที่อาจเข้าข่ายบิดเบือนข้อเท็จจริง โดยปราศจากข้อมูลที่ถูกต้องบริษัท จึงได้ดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายเพิ่มเติมในอนาคต หากพบว่ามีการแสดงความเห็นหรือเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือมีการกระทำที่เข้าข่ายละเมิดสิทธิหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่บริษัท
บริษัทยินดีให้ความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการตรวจสอบข้อเท็จจริง และเพื่อให้สาธารณชนเกิดความมั่นใจ และคลายข้อสงสัยในกรณีดังกล่าว
มีรายงานแจ้งว่า บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และบริษัท เอช ที อาร์ จำกัด ส่งทนายไปดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษ ต่อพนักงานสอบสวน ที่ สน.ทองหล่อ เพื่อดำเนินคดีกับนายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ และรักชนก ศรีนอก 2 สส. กทม. พรรคประชาชน ที่โพสต์ข้อความระบุถึง บริษัท ปริ้นซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จดทะเบียนที่ตั้ง ที่อยู่อาคาร ซิโน-ไทย ทาวเวอร์ มีลักษณะกล่าวหาว่า บริษัท ซิโน-ไทยฯ มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ได้รับโทษตามกฎหมายจนกว่าคดีจะถึงที่สุด โดยโพสต์ของนายศุภณัฐนั้น เผยแพร่เมื่อ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมี น.ส.รักชนก เข้าไปแสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวด้วย
บริษัทเอกชน ปัดเอี่ยว เฉิน จื้อ-ปริ้นซ์ กรุ๊ป
บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ได้ออกชี้แจงข้อเท็จจริงว่า กรณีตามที่ปรากฏข่าวสาร-ข้อมูลในสื่อต่างๆ ว่า Prince Holding Group ได้ลงทุนในบริษัทและโครงการต่างๆ ของเอสซีฯ รวมถึงมีการเชื่อมโยงระหว่างนายเฉินจื้อ และ Prince Holding Group กับบริษัทฯ นั้น
บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าว เป็นข้อมูลเท็จทั้งหมด โดยบริษัทฯ ไม่เคยมีธุรกรรมใดๆ กับนายเฉินจื้อ และ Prince Holding Group รวมทั้งนายเฉินจื้อ และ Prince Holding Group ไม่ได้เป็นผู้ลงทุนของบริษัทฯ และโครงการใดๆ ของบริษัทฯ แต่อย่างใดที่ผ่านมา บริษัทฯ ยึดมั่นในหลักธรรมาภิบาล ตลอดจนปฏิบัติตามกฎหมายทุกประการ บริษัทฯ จึงขอให้สื่อและประชาชนได้รับทราบข้อเท็จจริงดังกล่าวที่ถูกต้อง เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิดและเกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงของบริษัทฯ
บริษัทฯ จะดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เผยแพร่หรือกระทำการใดๆ อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายต่อบริษัทฯ อย่างถึงที่สุด
ด้านบริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) ชี้แจงกรณีข่าวเชื่อมโยงกับ Mr. Neak Oknha Chen Zhi และ Prince Holding Group ตามที่ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อต่างๆ เกี่ยวกับการอ้างว่า Prince Holding Group มีการลงทุนในบริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน) หรือมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลชื่อ Mr. Neak Oknha Chen Zhi นั้น
บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง บริษัทฯ ไม่เคยมีการทำธุรกรรม การร่วมลงทุน หรือการถือหุ้นใดๆ ร่วมกับบุคคลหรือกลุ่มบริษัทที่ถูกกล่าวถึง รวมถึงไม่มีความเกี่ยวโยงในเชิงธุรกิจในทุกกรณี
บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล โปร่งใส และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ลูกค้า นักลงทุน และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการดำเนินการทางกฎหมายกับผู้เผยแพร่ หรือผู้ที่กระทำการใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของบริษัทฯ
บริษัทฯ ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนและประชาชนทุกท่าน โปรดตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนเผยแพร่หรือส่งต่อ เพื่อป้องกันการเข้าใจผิดและการกระจายข้อมูลอันเป็นเท็จ
บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ชี้แจงระบุว่า แสนสิริตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบข้อมูลในการทำธุรกรรมของชื่อบริษัทหรือบุคคลที่ระบุในข่าว บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) รับทราบถึงการเผยแพร่ข่าวที่มีการกล่าวถึงการลงทุนโครงการอสังหาฯ ไทย ของบริษัทต่างชาติ และมีระบุชื่อโครงการคุณ บาย ยู ในข่าว
บริษัทฯ ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้ว ไม่พบข้อมูลในการทำธุรกรรมของชื่อบริษัทหรือบุคคลที่อ้างอิงในข่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอให้ความมั่นใจว่า ขั้นตอนการทำธุรกรรมในทุกโครงการมีการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ถูกต้องตามกฎหมาย
ที่มา : กรุงเทพธุรกิจ , เนชั่นทีวี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
