
SHORT CUT
น้ำลดแล้ว วิกฤต 'น้ำท่วมรถ' ยังไม่จบ! หากคุณทำพลาดแค่ขั้นตอนเดียว สิทธิ์เคลมประกันอาจหายไปทันที ถ้าไม่อยากเสียเงินซ่อมเองเป็นหมื่นหรือถูกตีราคาต่ำกว่าความเป็นจริง คุณต้องรู้สิทธิ์และหลักฐาน ที่ใช้ยันกับบริษัทประกันได้!
สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะ น้ำท่วมหาดใหญ่ ทำให้เราเห็นภาพความเสียหายที่เกินคาดคิด โดยเฉพาะเมื่อน้ำมาอย่างรวดเร็ว จนเราไม่สามารถขนย้ายทรัพย์สินได้ทัน ภาพที่เห็นคือรถยนต์นับ 100 คันจมอยู่ใต้น้ำนานเกือบ 1 สัปดาห์ แต่เมื่อน้ำลดลง สิ่งที่คนใช้รถต้องเผชิญต่อคือ ความกังวลและความไม่แน่นอน ว่ารถคู่ใจที่จมน้ำจะกลับมาสภาพเดิมได้หรือไม่ และที่สำคัญคือ "เราจะเคลมประกันได้อย่างไร ไม่ให้ถูกปฏิเสธ?"
ข้อมูลนี้เป็นบทสรุปที่ชัดเจนและเป็นขั้นตอน เพื่อให้คุณจัดการกับสถานการณ์รถถูกน้ำท่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพและรักษาผลประโยชน์ของตัวเองไว้ให้ได้มากที่สุด
เรื่องรถถูกน้ำท่วม ไม่ใช่แค่เรื่อง "เคลมได้" หรือ "เคลมไม่ได้" แต่ยังต้องดูด้วยว่าจะ "เคลมได้เท่าไหร่" สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดเกณฑ์มาตรฐาน 5 ระดับไว้ให้บริษัทใช้พิจารณา ประกันภัยน้ำท่วมรถ ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้คุณคาดการณ์ค่าซ่อมและยืนยันสิทธิ์ของตัวเองได้
ควรศึกษากรมธรรม์ประกันรถที่ซื้อไว้อีกครั้ง ประกันรถยนต์ส่วนใหญ่โดยเฉพาะประกันชั้น 1 จะครอบคลุม “ภัยธรรมชาติ” รวมถึงน้ำท่วมด้วย โดยพิจารณาตามความเสียหายที่เกิดขึ้นจริง ส่วนประกันรถยนต์ชั้น 2 และ ชั้น 3 จะกำหนดไว้แบบตายตัวให้เลือกตั้งแต่ก่อนทำประกัน
นี่คือจุดที่คนส่วนใหญ่สับสน เพราะบริษัทประกันจะพิจารณาจาก "เจตนา" และ "สถานการณ์" ที่น้ำท่วมรถ ไม่ใช่แค่ความเสียหายที่เกิดขึ้นเท่านั้น
กรณีนี้เกิดจากจอดอยู่เฉยๆแล้วเกิดแล้วน้ำหลาก เคลื่อนย้ายรถหนีไม่ทัน (เช่น จอดไว้ในบ้าน/ที่ทำงาน) จนถูกน้ำท่วมรถได้รับความเสียหายบางส่วน ประกันจะรับเคลมความเสียหายให้ แต่หากรุนแรงจนรถเสียหายโดยสิ้นเชิง ประเมินแล้วว่าไม่คุ้มที่จะซ่อม ประกันจะจ่ายเป็นเงินชดเชย 70-80 % ของทุนประกันแทนหรือมูลค่ารถยนต์แทน
ระหว่างที่ขับรถออกไปข้างนอกแล้วรถติดในขณะที่มีฝนตกหนัก จนเกิดน้ำท่วมฉับพลันรถยนต์เสียหาย กรณีนี้ถือเป็นเหตุสุดวิสัย ประกันจะรับเคลมให้
ผู้ขับขี่ขับรถเข้าไปในพื้นที่น้ำท่วม โดยที่ทราบอยู่แล้วว่าข้างหน้ามีน้ำท่วมหนัก หรือมีป้ายเตือน แต่ก็ยังฝ่าฝืนขับรถลุยน้ำเข้าไป จนรถเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ดับ หรือระบบไฟฟ้าช็อต ประกันจะไม่คุ้มครอง เพราะถือว่าเป็นการนำรถยนต์เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงภัยเอง
1. ควรเก็บหลักฐานภาพถ่าย/วิดีโอ ที่แสดงให้เห็นว่าคุณจอดรถหรือติดอยู่ในสภาพที่น้ำท่วมโดยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ถ้าจะให้ดีควรให้เห็นทะเบียนรถยนต์ด้วย เพื่อเป็นหลักฐานว่าเป็นรถคันเดียวกับที่ทำประกันรถยนต์ไว้ เพื่อยืนยันสิทธิ์ในการการเคลมประกัน
2. ติดต่อบริษัทประกันทันที พร้อมแจ้งเหตุการณ์อย่างละเอียดที่สุด เพื่อให้บริษัทรับทราบเหตุการณ์เบื้องต้น
3. เตรียมเอกสารเคลมประกันน้ำท่วมรถให้พร้อม
4. เมื่อน้ำลดแล้ว ให้ติดต่อบริษัทประกันอีกครั้งเพื่อส่งเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบความเสียหาย
5. เจ้าหน้าที่จะเข้ามาประเมินความเสียหาย เพื่อดำเนินการจ่ายค่าสินไหมทดแทน หรือนำรถเข้าอู่ซ่อมต่อไป
ที่สำคัญ หลังรถยนต์ถูกน้ำท่วม ห้ามสตาร์ทรถโดยเด็ดขาด! เพราะจะทำให้ความเสียหายเพิ่มขึ้น และอาจถูกตั้งข้อสงสัยเรื่องความประมาทได้