
SHORT CUT
การกลับมาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของโดนัลด์ ทรัมป์ ในปี 2025 ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงมากมาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่ 'สงคราม' ที่เกิดขึ้นทั่วโลก
หลายฝ่ายมองว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ พยายามวางบทบาทตนเองเป็นผู้นำพา 'สันติภาพ' ใช้อิทธิพลของอเมริกาเข้าไปแทรกแซงเพื่อลดความรุนแรงและยุติความขัดแย้งทางอาวุธ ทั้งยังไม่ได้ปิดบังความปรารถนาที่จะได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ และกล่าวอ้างว่าตัวเขาคือหัวใจสำคัญในการหยุดยั้งสงครามทั่วโลก
เริ่มจากการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างอินเดียและปากีสถาน ซึ่งมีชนวนเหตุจากการก่อการร้ายที่อินเดียเชื่อว่าปากีสถานเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง บานปลายเป็นการปะทะทางทหารที่รุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบไป จนกระทั่งในวันที่ 10 พ.ค. 2025 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อ้างว่าเป็นผู้ยุติความขัดแย้ง โดยใช้คำขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้า 350% จากทั้งสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทางปากีสถานจะออกมาชื่นชมทรัมป์ในฐานะผู้หยุดสงครามอย่างโจ่งแจ้ง แต่ทางฝ่ายอินเดียไม่เคยยอมรับคำกล่าวอ้างดังกล่าว และปฏิเสธการแทรกแซงจากบุคคลที่สามมาโดยตลอด
ด้านความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ซึ่งมีชนวนเหตุจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านที่อิสราเอลมองว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงนั้น สหรัฐฯ ได้เข้ามามีส่วนร่วมอย่างชัดเจนด้วยการส่งเครื่องบินรบเข้าโจมตีโรงงานพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะเป็นคนกลางประกาศการหยุดยิงระหว่างทั้งสองฝ่ายในเวลาต่อมา
ส่วนสงครามที่ยืดเยื้อระหว่างอิสราเอลและกลุ่มนักรบฮามาสในฉนวนกาซา นับว่าเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่ยากสำหรับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะเข้าใกล่เกลี่ย เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างมีเงื่อนไขในการเจรจาหยุดยิงที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้กันโดยเด็ดขาด 29 ก.ย. 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ และนายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮูของอิสราเอล ได้ร่วมประกาศแผนสันติภาพ ให้คำมั่นยุติสงครามในฉนวนกาซา แม้ว่าทั้งสองฝ่ายยังคงมีการโจมตีและสู้รบกันจนถึงตอนนี้ก็ตาม
แม้แต่ความขัดแย้งของไทยและกัมพูชาที่เกิดขึ้นจากข้อพิพาทเรื่องเขตแดนที่ยืดเยื้อมานานนั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เองก็ออกมาประกาศว่า เขาได้บรรเทาความขัดแย้งระหว่างกัมพูชาและไทยได้สำเร็จ โดยมีข้อตกลงหยุดยิงที่สหรัฐฯ เป็นคนกลาง เช่น การขู่ว่าจะระงับสิทธิพิเศษทางการค้าจากทั้งสองประเทศ หากไม่ยอมหยุดการสู้รบ
แต่ด่านสุดท้ายที่หนักหนาที่สุด คงหนีไม่พ้นสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานมานานกว่า 3 ปี กลายเป็นสงครามครั้งใหญ่ที่นองเลือดที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง โดยปัจจุบันทั้งสองฝ่ายยังคงสู้รบกันอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดความล้มเหลวในการเจรจาสันติภาพหลายต่อหลายครั้ง ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศว่าตนเองจะเป็นผู้ยุติสงครามครั้งนี้