svasdssvasds

ม็อบ Gen Z ขบวนการประท้วงแบบไร้ผู้นำ ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม !

ม็อบ Gen Z ขบวนการประท้วงแบบไร้ผู้นำ ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม !

ม็อบ Gen Z เปลี่ยนกติกาการต่อสู้ทางการเมืองจากถนนสู่โลกออนไลน์ จุดประกายการประท้วงข้ามพรมแดนที่รัฐยุคเก่าไล่ตามไม่ทัน

SHORT CUT

  • คนรุ่นใหม่ลุกขึ้นประท้วงจากความรู้สึกว่าระบบไม่เป็นธรรม ไม่เปิดพื้นที่ให้มีส่วนร่วม และการเมืองแบบเก่าไม่ตอบโจทย์ จึงเลือก “ลงถนน” เป็นช่องทางแสดงพลัง
  • Gen Z ใช้โลกดิจิทัลเป็นพื้นที่จัดตั้ง ทำให้เกิดขบวนการ “ไร้แกนนำ” ที่กระจายตัว ไม่มีศูนย์กลาง จึงจับกุมปิดเกมได้ยาก ต่างจากม็อบยุคก่อนที่พึ่งแกนนำไม่กี่คน
  • จุดอ่อนของขบวนการแบบไร้ผู้นำคือยากที่จะกำหนดข้อเรียกร้องชัดเจน และอาจไม่ยั่งยืนหากไม่ได้รับแรงหนุนจากกลุ่มสังคมอื่น แต่ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ Gen Z ได้เปลี่ยนภาพการเมืองยุคใหม่ไปแล้วอย่างถาวร

ม็อบ Gen Z เปลี่ยนกติกาการต่อสู้ทางการเมืองจากถนนสู่โลกออนไลน์ จุดประกายการประท้วงข้ามพรมแดนที่รัฐยุคเก่าไล่ตามไม่ทัน

ทศวรรษที่ผ่านมา โลกได้เห็นการลุกฮือของผู้คนรุ่นใหม่ในแทบทุกทวีป ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงต่อต้านความอยุติธรรมในไนจีเรีย การเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง หรือการเคลื่อนไหวในเนปาล

แม้บริบทแต่ละที่จะแตกต่างกัน แต่ขบวนการเหล่านี้กลับมีโครงสร้างร่วมที่โดดเด่นอย่างหนึ่ง เกิดจากคนรุ่น Gen Z ที่รวมตัวกันแบบ “ไร้ผู้นำ” และผลักดันการเมืองแบบใหม่ที่รัฐและสถาบันดั้งเดิมยังไม่ทันตั้งตัวรับมือ

คนรุ่นใหม่กับ อนาคตของการประท้วงทางการเมือง

ไม่ว่าจะเป็นม็อบที่ไหน เบื้องหลังการลุกขึ้นมาของคนรุ่น Z คือความรู้สึกสะสมยาวนานว่าระบบที่พวกเขาเติบโตมานั้น “ไม่ยุติธรรม” และ “ไม่เปิดพื้นที่ให้เข้ามามีส่วนร่วมจริง” เศรษฐกิจผันผวน โอกาสลดลง ค่าครองชีพสูงขึ้น ขณะที่เสียงของคนหนุ่มสาวกลับเลือนหายไปจากเวทีการตัดสินใจสำคัญของประเทศ ยิ่งไปกว่านั้น การเมืองแบบเก่าที่ผูกขาดด้วยพรรค การเลือกตั้ง และผู้นำที่อยู่ห่างจากปัญหาของคนหนุ่มสาว ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่มีช่องทางอื่นนอกจากการ “ออกมาถนน” ด้วยตัวเอง

PHOTO AFP

มุมมองนี้ มาจาก “บาร์ต แคมเมิร์ตส์” (Bart Cammaerts) ศาสตราจารย์ด้านการเมือง จาก The London School of Economics and Political Science ที่วิเคราะห์ว่า ความพิเศษของคนรุ่นนี้คือ Digital Natives อย่างแท้จริง โลกออนไลน์กลายเป็นทั้งพื้นที่สร้างอัตลักษณ์ พื้นที่โต้แย้ง และพื้นที่จัดตั้ง ข้อความสั้น ๆ แฮชแท็ก หรือวิดีโอไม่กี่วินาทีบนโซเชียลมีเดีย สามารถกลายเป็นเชื้อไฟที่จุดกระแสให้ผู้คนออกมาประท้วงนับหมื่นได้ในชั่วข้ามคืน และที่น่าสนใจยิ่งกว่า คือความสามารถในการเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวข้ามพรมแดน สัญลักษณ์ วิธีการ และยุทธวิธีจากประเทศหนึ่ง กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดขึ้นอีกที่ได้ในเวลาไม่กี่วัน

ม็อบที่ไร้ผู้นำ คือม็อบที่แข็งแกร่ง

ในอดีต การประท้วงจำนวนมากมักพึ่งพา “แกนนำ” เป็นศูนย์กลาง ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา นักเคลื่อนไหว หรือผู้นำแรงงาน ซึ่งแม้จะช่วยให้ขบวนการมีทิศทางชัดเจน แต่ก็ทำให้การเคลื่อนไหวเปราะบางอย่างยิ่ง เพราะรัฐบาลสามารถสั่งจับกุม ปิดล้อม หรือกดดันแกนนำเพียงไม่กี่คนเพื่อทำให้ทั้งม็อบอ่อนแรงลงได้ภายในเวลาไม่นาน วิธีคิดทางการเมืองแบบเก่าจึงให้ความสำคัญกับ “หัว” มากกว่าร่างกายของขบวนการ และหลายครั้งการจัดการแกนนำเพียงชุดเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชุมนุมสลายตัวโดยไม่ต้องเผชิญหน้าคนจำนวนมากโดยตรง

ในทางกลับกัน ม็อบ GEN Z เป็นขบวนการที่ไร้ผู้นำ มีจุดแข็งที่ทำให้รัฐจัดการได้ยากกว่าเดิม เพราะมันไม่มีศูนย์กลาง ไม่มีแกนนำคนเดียวที่เมื่อถูกรัฐจับกุมแล้วการเคลื่อนไหวจะล่ม ขบวนการกระจายตัวแบบนี้ทำให้พลังทางสังคม “ทนทาน” มากขึ้น และช่วยผลักดันการเมืองแบบใหม่ที่เน้นความเท่าเทียม และเปิดกว้างให้เสียงของทุกคน  ไม่ใช่แค่ผู้นำไม่กี่คน

ม็อบ Gen Z ขบวนการประท้วงแบบไร้ผู้นำ ที่ทรงพลังยิ่งกว่าเดิม !

อย่างไรก็ตาม ขบวนการรูปแบบนี้ก็มีจุดอ่อนที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ความไร้โครงสร้างทำให้ยากต่อการกำหนดข้อเรียกร้องที่เฉพาะเจาะจงหรือแปลงพลังในท้องถนนไปเป็น “นโยบายจริง” และหากไม่ได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่มสำคัญอื่นในสังคม เช่น กลุ่มแรงงาน ชนชั้นกลาง หรือสถาบันพลเมือง การเคลื่อนไหวอาจเรืองรองชั่วคราวแต่ไม่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนโครงสร้างในระยะยาว นอกจากนี้ รัฐในหลายประเทศยังมีเครื่องมือควบคุมและปราบปรามมากพอที่จะทำให้ขบวนการเหล่านี้อ่อนแรงลง แม้จะยากต่อการปิดฉากอย่างสมบูรณ์ก็ตาม

ไม่ว่าการประท้วงแต่ละครั้งจะสำเร็จหรือไม่ สิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือภาพใหม่ของการเมืองกำลังถูกเขียนด้วยมือของคนรุ่น Gen Z และมันจะเป็นมรดกที่โลกต้องหันมาทบทวนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ที่มา : What will be the legacy of the Gen-Z acephalous protest movements?

ข่าวที่เกี่ยวข้อง  

 

related