SHORT CUT
ทำความรู้จัก สตรีเหล็กแห่งหิมาลัย :สุชีลา การ์กี นายกฯหญิงคนแรกเนปาล ผู้นำหลังควันไฟการเมืองที่ปะทุเดือด จากม็อบ Gen Z
ท่ามกลางซากปรักหักพังของอาคารรัฐสภาและบรรยากาศอันโศกเศร้าที่ครอบคลุมกรุงกาฐมาณฑุ เนปาลได้เปิดหน้าประวัติศาสตร์การเมืองใหม่ ด้วยการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของ สุชีลา การ์กี ในฐานะนายกรัฐมนตรีรักษาการ นับเป็นสตรีคนแรกที่ได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำประเทศ ท่ามกลางวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่รุนแรงและนองเลือดที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
สุชีลา การ์กี วัย 73 ปี อดีตประธานศาลฎีกาหญิงคนแรกและคนเดียวของเนปาล ได้เข้าพิธีสาบานตนเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 ภายหลังจากข้อตกลงที่เปราะบางระหว่างประธานาธิบดี กองทัพ และแกนนำผู้ประท้วงรุ่นใหม่บรรลุผลสำเร็จ เพื่อยุติความโกลาหลที่ทำให้รัฐบาลชุดเก่าต้องล่มสลาย และคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 51 ราย
การแต่งตั้งสุชีลา การ์กีครั้งนี้ไม่ใช่เพียงสัญลักษณ์ แต่เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง หลังการประท้วงที่จุดชนวนโดยการสั่งแบนสื่อสังคมออนไลน์ 26 แพลตฟอร์ม ได้ลุกลามบานปลายกลายเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันที่ฝังรากลึกในสังคม
สุชีลา การ์กี วัย 73 ปี เคยเป็น อดีตประธานผู้พิพากษาศาลสูงสุดเนปาล ในช่วงเวลา 11 กรกฎาคม 2016 ถึง 6 มิถุนายน 2017
วิกฤตครั้งนี้ปะทุขึ้นจากคำสั่งของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี เค.พี. ชาร์มา โอลี (K. P. Sharma Oli) ที่สั่งห้ามการเข้าถึงแพลตฟอร์มยอดนิยมอย่าง Facebook, Instagram และ WhatsApp ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างรุนแรงให้แก่กลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ "Gen Z" ที่มองว่านี่คือการลิดรอนเสรีภาพขั้นพื้นฐาน
แต่เชื้อไฟที่แท้จริงคือความโกรธแค้นต่อวัฒนธรรม "nepo kid" หรือการที่ลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราฟุ่มเฟือยจากเงินที่ถูกกล่าวหาว่ามาจากการคอร์รัปชัน การแบนโซเชียลมีเดียจึงเป็นเพียงฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของประชาชนขาดสะบั้น
แม้รัฐบาลจะรีบยกเลิกคำสั่งแบนในเวลาไม่นาน แต่ก็สายเกินไป การประท้วงได้ขยายวงกว้างกลายเป็นคลื่นมหาชนที่ยากจะหยุดยั้ง ความรุนแรงปะทุขึ้นเมื่อผู้ชุมนุมปะทะกับตำรวจปราบจลาจล และสถานการณ์ได้ถึงจุดแตกหักในวันที่ผู้ประท้วงบุกเข้าจุดไฟเผาอาคารรัฐสภาและสถานที่ราชการหลายแห่งในกรุงกาฐมาณฑุ ส่งผลให้นายโอลีต้องประกาศลาออกจากตำแหน่ง
ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ได้รับการยืนยันล่าสุดอยู่ที่ 51 คน ประกอบด้วยผู้ชุมนุม 21 คน, ตำรวจ 3 นาย, ผู้ต้องขัง 9 คน และอีก 18 คนที่ยังไม่ระบุรายละเอียด ขณะที่ผู้บาดเจ็บมีมากกว่า 1,300 คน ภาพครอบครัวที่มารอรับร่างผู้เสียชีวิตเพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนาเต็มไปด้วยความโศกเศร้าสะเทือนใจ ซึ่งไม่เพียงแต่ครอบครัวผู้ชุมนุม แต่ยังรวมถึงครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ด้วย
การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งของ สุชีลา การ์กี ถูกมองว่าเป็นทางออกที่ทุกฝ่ายยอมรับ เธอเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะ "บุคคลภาพลักษณ์สะอาด" มีชื่อเสียงด้านความซื่อสัตย์ เถรตรง และจุดยืนที่แข็งกร้าวต่อการทุจริตมาตลอดเส้นทางอาชีพในสายตุลาการ จึงได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มผู้ประท้วง
ภารกิจเร่งด่วนของเธอคือการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ และที่สำคัญที่สุดคือการจัดการเลือกตั้งทั่วไปให้เกิดขึ้นภายใน 6 เดือน ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นในราวเดือนมีนาคม 2569
อย่างไรก็ตาม เส้นทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความท้าทายมหาศาล:
การฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย: กองทัพยังคงตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยบนท้องถนนในเมืองหลวง ความเชื่อมั่นระหว่างประชาชนและหน่วยงานรัฐพังทลายลงสิ้นเชิง
การเยียวยาและสร้างความยุติธรรม: การนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องกับเหตุรุนแรงเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม
การบูรณะประเทศ: นอกจากความเสียหายทางกายภาพต่ออาคารสถานที่ราชการแล้ว รัฐบาลรักษาการยังต้องเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นและบูรณะระบอบประชาธิปไตยที่เปราะบางของเนปาล
การตอบสนองต่อคนรุ่นใหม่: การ์กีต้องพิสูจน์ให้กลุ่มผู้ประท้วง ม็อบ Gen Z เห็นว่าเธอสามารถนำพาประเทศไปสู่ "การเมืองใหม่" ที่พวกเขาต้องการได้อย่างแท้จริง
เนปาล ยังคงสั่นคลอนจากเหตุการณ์ความไม่สงบครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี การแต่งตั้งสุชีลา การ์กี ถือเป็นแสงสว่างแห่งความหวัง ทว่าภารกิจในการประคับประคองและนำพาเนปาลให้ข้ามผ่านช่วงเวลาอันมืดมิดนี้ไปได้นั้น ยังคงเป็นบทพิสูจน์ที่หนักหน่วงบนสองบ่าของนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกแห่งเทือกเขาหิมาลัยผู้นี้
ที่มา : bbc
ข่าวที่เกี่ยวข้อง