svasdssvasds

เลือกตั้ง 2569 ขั้วนี้...เขาไม่อยู่ด้วยกัน บอกชัดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง

เลือกตั้ง 2569 ขั้วนี้...เขาไม่อยู่ด้วยกัน บอกชัดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง

เลือกตั้ง 2569: เมื่อสมการการเมืองไทย - ขั้วนี้...เขาไม่อยู่ด้วยกัน - บอกชัดตั้งแต่ ก่อนเลือกตั้ง 'ทางใคร ทางมัน'"

เลือกตั้ง 2569 เริ่มร้อนแรงตามลำดับ เพราะเวลานี้ แม้จะยังไม่มี "เบอร์" หมายเลข แต่ก็ประกาศกันชัดๆแล้ว ว่า จะไม่จับขั้วกัน อย่างน้อยๆ ตอนนี้ ภาพชัดมากๆแล้ว 3 คู่ 

เริ่มต้นจาก ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ระบุว่า หลังเลือกตั้งจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม แน่อนอน  ไม่ต้องการให้พรรคกล้าธรรม มาขานชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี   โดย ร้อยเอกธรรมนัส ก็กล่าวว่า คนอย่างตนไม่เคยขานชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี คนอย่างผมชัดเจน ไม่ต้องดัดจริต เอาชัดเจน 

ขณะที่ พรรคประชาธิปัตย์ ยุค "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คัมแบ็ก" ที่เลือกปฏิเสธ พรรคกล้าธรรม ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พรรคกล้าธรรม   ก็มีนัยยะสำคัญ  เพราะทั้งสองพรรคต่างพยายามนำเสนอภาพลักษณ์นักบริหารทันสมัย หากประชาธิปัตย์ยอมให้กล้าธรรมมายืนข้างกันบนชั้นวางสินค้าทางการเมือง ก็เท่ากับเปิดโอกาสให้คู่แข่งตัดคะแนนในฐานเสียงเดิมของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย

เลือกตั้ง 2569 ขั้วนี้...เขาไม่อยู่ด้วยกัน บอกชัดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง

มาตรฐานใหม่: 'อภิสิทธิ์' กับโจทย์ 'ทุนสีเทา' 

แรงสั่นสะเทือนครั้งสำคัญเกิดขึ้นเมื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศชัดเจนบนเวทีดีเบตว่าจะไม่ร่วมรัฐบาลกับ พรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า การเดินหมากตานี้ของอภิสิทธิ์ ไม่เพียงแต่เป็นการ "กันที่" ทางการเมือง แต่ยังเป็นการโยนโจทย์หินกลับไปที่พรรคคู่แข่งอย่าง "พรรคประชาชน"

ในเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถูกมองว่าเป็นพรรคสถาบันเก่าแก่ กล้าประกาศตัดสัมพันธ์กับขั้วอำนาจที่มีข้อครหาเรื่อง "ทุนสีเทา" และเครือข่ายธุรกิจสีดำ พรรคประชาชนที่ชูธง "มีเรา ไม่มีเทา" มาตลอด ย่อมถูกจับตามองด้วยแว่นขยายที่ใหญ่ขึ้น

บทบาทของ พรรคประชาชนในการตรวจสอบรัฐบาลผ่านกรรมาธิการฯ โดยเฉพาะการรุกไล่ของนายรังสิมันต์ โรม ในประเด็นอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่โยงใยกับบุคคลในพรรคกล้าธรรม จะต้องถูกพิสูจน์ด้วยการกระทำที่ชัดเจนในระดับนโยบายการจัดตั้งรัฐบาล หากนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ไม่สามารถแสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวได้เท่ากับ หรือมากกว่าอภิสิทธิ์ ความเชื่อมั่นในฐานะ "พรรคแห่งความเปลี่ยนแปลง" อาจสั่นคลอน

อย่างไรก็ตาม การที่ประชาธิปัตย์เลือกปฏิเสธ ร.อ.ธรรมนัส ซึ่งเปรียบเสมือน "ตัวแปรสำคัญ" ในทุกสมการจัดตั้งรัฐบาล ก็อาจเป็นดาบสองคมที่ผลักให้ประชาธิปัตย์ต้องเตรียมใจสำหรับการทำหน้าที่ "ฝ่ายค้าน" อีกสมัยก็เป็นได้ 

เลือกตั้ง 2569 ขั้วนี้...เขาไม่อยู่ด้วยกัน บอกชัดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง

กำแพง ม.112: 'อนุทิน' ไม่เอาด้วย 

ในอีกฟากฝั่งของสมการ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อดีตนายกฯ  ได้ตอกย้ำจุดยืนที่กลายเป็น "กำแพงเหล็ก" กั้นกลางระหว่างเขากับพรรคประชาชน นั่นคือประเด็นประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

คำประกาศของนายอนุทินที่ว่า "ถ้ายังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องนี้ ภูมิใจไทยไม่ร่วมด้วยแน่นอน" ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการขีดเส้นแบ่งที่ชัดเจนที่สุดในเวลานี้ โดยนายอนุทินพยายามวางสถานะตัวเองเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายและความสงบเรียบร้อย โดยย้ำว่าเสรีภาพต้องไม่ละเมิดสถาบันฯ ซึ่งเป็นจุดยืนที่ดึงดูดฐานเสียงอนุรักษนิยมที่อาจกำลังผิดหวังกับพรรคอื่นๆ

นี่เป็นโจทย์ที่ซับซ้อนสำหรับ ณัฐพงษ์และพรรคประชาชน ที่ต้องรักษาสมดุลระหว่างฐานเสียงคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการแก้ไขกฎหมาย กับความเป็นจริงทางการเมืองที่พรรคใหญ่ขั้วตรงข้ามใช้เงื่อนไขนี้ปิดประตูตายในการร่วมรัฐบาล

เลือกตั้ง 2569 ขั้วนี้...เขาไม่อยู่ด้วยกัน บอกชัดตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง

3 คู่ชัดๆ ทางใคร ทางมัน 

การเลือกตั้งปี 2569 จึงไม่ใช่แค่การเลือกผู้แทน แต่เป็นการเลือก "ข้าง" ที่ชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ

เท้ง (ประชาชน) vs ธรรมนัส (กล้าธรรม): การปะทะกันของอุดมการณ์ความโปร่งใสกับข้อครหาเรื่องทุนสีเทา
อภิสิทธิ์ (ปชป.) vs ธรรมนัส (กล้าธรรม): การรักษาภาพลักษณ์ความซื่อสัตย์ และการปกป้องฐานเสียงชนชั้นกลาง
อนุทิน (ภท.) vs เท้ง (ประชาชน): สงครามจุดยืนเรื่อง ม.112 และการแย่งชิงความเป็นผู้นำในการบริหารประเทศ

เมื่อทุกฝ่ายเลือกที่จะ "แบไพ่" ตั้งแต่ต้นเกมว่า "ขั้วนี้...เขาไม่อยู่ด้วยกัน" ประชาชนจึงเป็นผู้ตัดสินสุดท้ายว่า จะให้คะแนนเสียงของตนไปเพิ่มน้ำหนักให้กับตาชั่งฝั่งใด ในวันที่การเมืองไทยเดินหน้าสู่ยุค "ทางใคร ทางมัน" อย่างแท้จริง.
.

related