svasdssvasds

หยุดยิง 72 ชั่วโมง แลกส่งตัว 18 เชลยศึก ถ้าละเมิดไทยพร้อมป้องกันตัวเองทุกรูปแบบ

หยุดยิง 72 ชั่วโมง แลกส่งตัว 18 เชลยศึก ถ้าละเมิดไทยพร้อมป้องกันตัวเองทุกรูปแบบ

ผลการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา พร้อมหยุดยิงทันที ตั้งแต่ 12.00 น. 27 ธ.ค.68 แลกส่งตัวเชลย 18 นาย ไม่เคลื่อนย้ายกำลัง ร่วมกู้ทุ่นระเบิด-ปราบอาชญากรรมข้ามชาติ

SHORT CUT

  • ไทยและกัมพูชาลงนามในข้อตกลงร่วมเพื่อหยุดยิงตามแนวชายแดน โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของทั้งสองประเทศเป็นผู้แทน
  • ข้อตกลงกำหนดให้มีการหยุดยิงเป็นเวลา 72 ชั่วโมง โดยมีผลบังคับใช้ทันทีหลังการลงนาม เพื่อลดความตึงเครียดในพื้นที่
  • ฝ่ายไทยจะส่งตัวทหารกัมพูชาที่เป็นเชลยศึกจำนวน 18 นายกลับประเทศ เพื่อแลกกับการที่ฝ่ายกัมพูชารักษาการหยุดยิงอย่างสมบูรณ์ตามข้อตกลง

ผลการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา พร้อมหยุดยิงทันที ตั้งแต่ 12.00 น. 27 ธ.ค.68 แลกส่งตัวเชลย 18 นาย ไม่เคลื่อนย้ายกำลัง ร่วมกู้ทุ่นระเบิด-ปราบอาชญากรรมข้ามชาติ

วันที่ 27 ธันวาคม 2568  พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป GBC ไทย-กัมพูชา ที่ด่านถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี โดยฝ่ายกัมพูชา มี พล.อ.เตีย เซ็ยฮา รมว.กลาโหม มาร่วมประชุม พร้อมด้วยฝ่ายเลขานุการฯ GBC ฝ่ายไทย พล.อ.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว รองเสนาธิการทหาร และฝ่ายกัมพูชาพล.ต.แยม โบราเดน รองหัวหน้าสำนักงานรมว.กลาโหมกัมพูชา ร่วมประชุมด้วย โดยมีการประชุมร่วมกันประมาณเวลา 30 นาที

ภายหลังการหารือ ทั้ง 2 ฝ่าย ได้ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วม Joint Statement ที่จะเป็นข้อตกลงในการหยุดยิงร่วมถึงความร่วมมือที่จะเกิดขึ้น ตามข้อตกลงกัวลาลัมเปอร์ Joint Declaration ไทย-กัมพูชา เมื่อ 26 ต.ค.68 และมีข้อเสนอที่ฝ่ายกัมพูชายอมรับที่จะหยุดยิง 72 ชั่วโมง เพื่อขอให้ฝ่ายไทยส่งตัวทหารกัมพูชา 18 คน ที่เป็นเชลยศึก ตามที่มีการหารือกันในฝ่ายเลขานุการฯ

โดยมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน AOT นำโดยพลจัตวา ซัมซุล ริซัล บิน มูซา ผู้ช่วยทูตทหารมาเลเซียประจำประเทศไทย หัวหน้าคณะผู้สังเกตการณ์ประจำประเทศไทย ร่วมติดตามการประชุมครั้งนี้ด้วย

 

การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปกัมพูชา-ไทย (GBC) .พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม พล.อ.เตรียเซยฮา รมว.กลาโหม ร่วมลงนามในถ้อยแถลงร่วม Joint Statement

ตลอดช่วงเวลาการปะทะตามแนวชายแดนที่ผ่านมา รัฐบาลและกองทัพได้ปฏิบัติหน้าที่ ภายใต้หลักการที่ชัดเจนและไม่เคยเปลี่ยนแปลง คือการปกป้องอธิปไตย ความปลอดภัยของประชาชน และเกียรติภูมิของประเทศชาติ

สถานการณ์ครั้งนี้เริ่มต้นจากการใช้อาวุธของฝ่ายกัมพูชา ซึ่งส่งผลให้กำลังพลของเรา ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต กองทัพจึงจำเป็นต้องตอบโต้ ภายใต้สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎหมายระหว่างประเทศ และภายใต้หลักการทางทหารสากลอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้การพิจารณาหยุดยิงนั้น ไทยได้กำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจน 3 ประการ เพื่อให้เกิดความสงบอย่างแท้จริงและยั่งยืน ดังนี้

   1. ต้องมีการประกาศหยุดยิง อย่างเป็นทางการและจริงใจ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาได้ประกาศไว้ต่อที่ประชุม รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ว่าจะขอให้มีการหยุดยิง ตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2568 เวลา 22.00 นาฬิกา โดยไม่มีเงื่อนไข แต่ฝ่ายไทยพิจารณาแล้วเห็นว่าการหยุดยิงที่จะเกิดความยั่งยืน ต้องเกิดจากทั้งสองฝ่ายได้มาพูดคุยกันอย่างจริงใจ จึงเป็นที่มาของการประชุม GBC ในครั้งนี้ และมีการจัดทำแถลงการณ์ร่วม หรือ Joint Statement ระหว่างไทย-กัมพูชาขึ้น เพื่อใช้เป็นหลักการสำคัญ ในการแก้ไขปัญหาระหว่างสองประเทศแบบทวิภาคีอย่างแท้จริง

การหยุดยิงต้องเกิดขึ้นจริง และต่อเนื่อง ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการสำคัญ / ได้แก่

ให้ทั้งสองฝ่ายหยุดยิง ตั้งแต่เวลา 12.00 น.ของวันนี้ และประเด็นที่สำคัญที่สุดใน Joint Statement ฉบับนี้ คือให้ทั้งสองฝ่าย ยังคงกำลังทหารในพื้นที่ระดับปัจจุบัน โดยต้องไม่มีการเคลื่อนย้าย หรือเสริมกำลังเพิ่มเติมเข้าหากัน และไม่มีการโจมตีหรือยั่วยุซ้ำ

ติดตามและเฝ้าสังเกตการณ์การหยุดยิง เป็นเวลา 72 ชั่วโมง เพื่อยืนยันว่า การหยุดยิงเกิดขึ้นจริงและมีความต่อเนื่องก็ต่อเมื่อสถานการณ์สงบลง ประชาชนจะสามารถกลับเข้าสู่ที่พักอาศัยได้อย่างปลอดภัย จากนั้นจะมีการปล่อยตัวทหารกัมพูชาทั้ง 18 นาย ทั้งนี้เป็นไปตามหลักกฎหมายสากลที่กำหนดให้ ปล่อยตัวเมื่อสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์

จากรายงานผลการปฏิบัติทางทหาร กองทัพสามารถควบคุมภูมิประเทศสำคัญ ที่มีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนตามที่กำหนดไว้ได้แล้ว การเสียสละเลือดเนื้อและชีวิตของทหารไทยหลายนายในครั้งนี้ จะต้องไม่สูญเปล่า แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องคำนึงถึงปัจจัยระดับยุทธศาสตร์ด้านอื่นๆ อาทิเช่น ด้านเศรษฐกิจ ภาพลักษณ์และความชอบธรรมของไทย ในเวทีระหว่างประเทศ ที่สำคัญอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชา สิ่งที่ตระหนักอยู่เสมอ คือ ชีวิตและเลือดเนื้อของทหาร ที่ต้องเสียสละ เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติ แต่ในฐานะที่ผมเคยเป็นทหารมาก่อน ย่อมรู้ดีว่าทหารทุกนาย ถือว่าการปกป้องประเทศชาติ เป็นหน้าที่ และเป็นเกียรติสูงสุด แม้จะต้องเสียสละเลือดเนื้อและชีวิต

สำหรับกลไกที่จะนำไปสู่การปฏิบัติจริง และการตรวจสอบการปฏิบัติตาม Joint Statement ครั้งนี้ ได้แก่

  • คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT ซึ่งเป็นกลไกตามความร่วมมือของอาเซียน ในการรักษาความมั่นคงของภูมิภาค
  • สำนักงานประสานงานชายแดนของทั้งสองประเทศ ซึ่งเป็นกลไกในระดับพื้นที่

ขณะเดียวกันในระดับนโยบายจะมีการสื่อสารโดยตรงผ่านสายด่วน ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองฝ่าย ในกรณีจำเป็น ผู้แทนระดับสูงของทั้งสองฝ่ายจะลงพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกัน

นอกจากนี้ ยังได้กำหนดให้ทีมสื่อสารของทั้งสองประเทศ ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันข่าวบิดเบือน และเพื่อให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ประชาชน ซึ่งต้องยอมรับว่า ข่าวบิดเบือน ข่าวปลอม และข่าวยั่วยุที่เกิดขึ้นจากทั้งสองฝ่าย ทำให้การแก้ไขปัญหาในทุกระดับ / มีความยากขึ้นมาโดยตลอด

   3. ต้องมีเจตนาถึงความตั้งใจอย่างสุจริตในการแก้ไขปัญหาทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นประเด็นด้านมนุษยธรรม ที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาโดยตลอด

ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงได้เห็นพ้อง ในแนวทางลดความตึงเครียด และกำหนดกลไกปฏิบัติที่ชัดเจน / ผ่านคณะทำงานร่วมด้านการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรม หรือ JCTF เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีระบบ ปลอดภัย และโปร่งใส ทั้งนี้ขอเน้นย้ำว่าจะต้องเก็บกู้ทุ่นระเบิดให้แล้วเสร็จ ทำให้พื้นที่มีความปลอดภัย ก่อนที่จะมีการสำรวจและจัดทำหลักเขตในระยะต่อไป

นอกจากเงื่อนไข 3 ประการ ที่จะทำให้การหยุดยิงเกิดขึ้นได้จริง และต่อเนื่องแล้ว Joint statement ฉบับนี้ ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งสาระสำคัญ ตามข้อตกลงทวิภาคีระหว่างไทยและกัมพูชา

คือ การปฏิบัติตามอนุสัญญาออตตาวา การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางไซเบอร์ และการค้ามนุษย์ ซึ่งจะต้องมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องต่อไป

สำหรับพี่น้องประชาชนชาวไทย  ผมเข้าใจดีถึงความรู้สึกโกรธ เจ็บปวด และห่วงใยชาติบ้านเมือง รัฐบาลไม่เคยมองข้ามเสียงเหล่านี้ และไม่ได้ประมาทต่อบทเรียนจากความสูญเสียที่ผ่านมา ขอแสดงความเคารพอย่างสูงสุด ต่อกำลังพลทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความกล้าหาญ อดทน และเสียสละ รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต การสูญเสียของท่านไม่ใช่เพียงตัวเลขในรายงาน แต่คือความรับผิดชอบโดยตรงของรัฐบาล ที่จะต้องดำเนินการเรื่องสิทธิ สวัสดิการ การเยียวยา การดูแลผู้บาดเจ็บ และครอบครัวในระยะยาว รวมถึงการพิจารณาดูแลกำลังพลหลังการรบด้วยความจริงจัง ต่อเนื่อง และเร่งด่วน

ขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชน และกำลังพลทุกนาย ว่า การหยุดยิงในครั้งนี้ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ใช้วิธีแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี ในเวทีทางการทูตเพื่อกลับเข้ามาแก้ปัญหาร่วมกันอีกครั้ง

รัฐบาลและกองทัพ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ตัดสินใจทุกขั้นตอนบนข้อเท็จจริง โดยยึดถืออธิปไตย ศักดิ์ศรีของชาติ ความปลอดภัย และการใช้ชีวิตที่เป็นปกติสุขของประชาชน ขอขอบคุณทหารทุกนาย และพี่น้องประชาชนชาวไทย ที่ยืนหยัดเคียงข้างประเทศชาติและกองทัพไทย ด้วยความเข้าใจ และเข้มแข็งในช่วงเวลาสำคัญของประเทศครั้งนี้

ด้าน พลอากาศเอกประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ระบุว่า หลังประกาศหยุดยิงเที่ยงวันนี้ ไทยจะสังเกตุการณ์อีก 72 ชั่วโมง ถ้ายังไม่นิ่ง ไม่หยุดยิงอย่างจริงใจ ไทยจะยังคงใช้มาตรการเดิมที่จะป้องกันตัวเองอย่างต่อเนื่อง 

อยากสื่อสารไปถึงพี่น้องประชาคมโลกว่า ประเทศไทยไม่ได้เริ่มต้นความขัดแย้ง ไทยไม่ได้ยิงก่อน แต่ประเทศไทยก็พร้อมอยู่ในเวทีนานาชาติตามกฏหมายระหว่างประเทศตามองค์กรระหว่างอาเซียนในทุกพื้นที่ถ้าต้องการดูหลักฐานต่างๆประเทศไทย พร้อมมีหลักฐานยืนยัน และการดำเนินการทั้งหมด เป็นไปตามมาตรการสากลตามกฏหมายระหว่างประเทศ นี่คือความเป็นมืออาชีพและเป็นประเทศที่มีอารยธรรม และพร้อมแสดงให้นานาชาติ เห็นว่าเรามีความจริงใจที่จะไม่ต้องการขยายความขัดแย้ง

related