
แร่แรร์เอิร์ธ แร่หายาก : ขุมทรัพย์ที่โลกดิจิทัลและ EV ขาดไม่ได้ และเพราะอะไรจึงเป็นหมากสำคัญในเกมภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ใครๆก็ต้องการ
แร่แรร์เอิร์ธ หรือ แร่หายาก (Rare Earth Elements: REEs) คือกลุ่มโลหะ 17 ชนิดที่ไม่เพียงแต่เป็นหัวใจของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวันอย่างสมาร์ทโฟนและรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ยังเป็นทรัพยากรยุทธศาสตร์ที่กำหนดอำนาจในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานสะอาด แร่ที่ได้ชื่อว่า "หายาก" เหล่านี้ แท้จริงแล้วมีอยู่ทั่วไป แต่การครอบครองและแปรรูปมันได้กลายเป็นชนวนความขัดแย้งทางการค้าระหว่างมหาอำนาจโลก
แร่แรร์เอิร์ธ เป็นวัตถุดิบต้นน้ำที่สำคัญอย่างยิ่งยวดสำหรับอุตสาหกรรมไฮเทคในปัจจุบันและอนาคต ด้วยคุณสมบัติพิเศษทางเคมีและกายภาพ เช่น การนำไฟฟ้าสูง และความสามารถในการสร้างแม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง ทำให้แร่เหล่านี้ถูกใช้ในทุกสิ่งตั้งแต่สินค้าอุปโภคบริโภคไปจนถึงอาวุธสงครามอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
แร่หายากถูกใช้ในการผลิต ชิป ส่วนประกอบหลักของ คอมพิวเตอร์ และ โทรศัพท์มือถือ รวมถึงใน หน้าจอ (เช่น ยูโรเพียมและอิตเทรียมทำให้เกิดสีสันสดใส) และ ลำโพงยานยนต์ไฟฟ้า (EV) และ
พลังงานสะอาด : นีโอดิเมียม (Nd) และ ดิสโพรเซียม (Dy) เป็นหัวใจสำคัญในการสร้าง แม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง สำหรับมอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าใน กังหันลม ขนาดใหญ่อุปกรณ์
ทางการแพทย์: ใช้ในเครื่องมือแพทย์ขั้นสูง เช่น เครื่องฉายภาพด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) และอุปกรณ์ เลเซอร์อาวุธยุทโธปกรณ์: มีความจำเป็นต่อระบบป้องกันประเทศ เช่น เรดาร์, ระบบนำทาง, ขีปนาวุธ, และ เครื่องบินขับไล่ (เช่น F-35 ใช้แร่หายากถึง 417 กิโลกรัม)ความต้องการแร่แรร์เอิร์ธจึงพุ่งสูงขึ้นตามกระแสการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัลและพลังงานสะอาด ทำให้แร่เหล่านี้กลายเป็น "น้ำมันแห่งตะวันออก" ในศตวรรษที่ 21
ทำไมถึงมีราคาแพงแร่หายาก 17 ชนิด ประกอบด้วย สแกนเดียม (Sc), อิตเทรียม (Y), และกลุ่มธาตุแลนทาไนด์อีก 15 ตัวแม้ว่าธาตุบางตัว เช่น ซีเรียม (Ce) จะมีปริมาณมากกว่าทองคำถึง 15,000 เท่า แต่สิ่งที่ทำให้มัน "หายาก" ไม่ใช่ปริมาณในเปลือกโลก แต่เป็น ความยากในการสกัดต่างจากทองคำที่มักอยู่รวมกันเป็นกลุ่มก้อน แร่หายากมัก
กระจายตัว ปะปนอยู่กับแร่ธาตุอื่นทั่วโลก การแยกแร่บริสุทธิ์ออกจากสิ่งเจือปนต้องใช้กระบวนการที่ซับซ้อน, มีต้นทุนสูง,
และที่สำคัญคือ ก่อให้เกิดมลพิษทางสิ่งแวดล้อม รวมถึงกากกัมมันตรังสี ทำให้หลายประเทศเลือกที่จะนำเข้ามากกว่าที่จะทำเหมืองเอง
จีน: เจ้าแห่งแร่หายากและหมากในเกมภูมิรัฐศาสตร์
การครอบครองแร่แรร์เอิร์ธไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของปริมาณสำรอง แต่เป็นเรื่องของ กำลังการผลิตและการแปรรูปประเทศสัดส่วนผลผลิตแร่แรร์เอิร์ธโลก (ปี 2024)
จีน ขึ้นชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งแร่หายาก" โดยครองส่วนแบ่งผลผลิตของโลกเกือบ 70% และควบคุมการแปรรูปแร่ที่สกัดได้เกือบทั้งหมด (กว่า 90%) ทำให้จีนมีอำนาจในการควบคุมห่วงโซ่อุปทานโลกอย่างเบ็ดเสร็จ และเคยใช้แร่เหล่านี้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการเมืองและการค้ามาแล้วการพึ่งพาจีนอย่างสูงนี้สร้างความเสี่ยงต่อความมั่นคงของชาติสำหรับประเทศมหาอำนาจอย่าง สหรัฐฯ และพันธมิตร โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเหตุผลที่สหรัฐฯ เร่งลงทุนในการขุดและแปรรูปแร่ภายในประเทศ รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับประเทศอื่น ๆ เช่น การค้นพบแหล่งแร่ขนาดใหญ่ใน สวีเดน ที่อาจช่วยให้ยุโรปลดการพึ่งพาจีนได้ในระยะยาว (แต่คาดว่าจะใช้เวลา 10-15 ปีในการขุดใช้จริง)
แม้ว่าประเทศไทยจะไม่ใช่ผู้ผลิตรายใหญ่ระดับโลก แต่กรมทรัพยากรธรณีระบุว่า มีแหล่งแร่หายากพบกระจายตัวทางด้านตะวันตกของประเทศ ตั้งแต่ภาคเหนือจนถึงภาคใต้ ในหลายจังหวัด เช่น เชียงราย, แม่ฮ่องสอน, เชียงใหม่, อุทัยธานี, กาญจนบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพร, ระนอง, พังงา และสุราษฎร์ธานี การสำรวจและศึกษาทรัพยากรเหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชั้นสูงของประเทศในอนาคต
ข่าวที่เกี่ยวข้อง