
SHORT CUT
สแกนงบเลือกตั้งย้อนหลัง 20 ปี พุ่งสูงเกือบ 3 เท่า! จากปี 2544 ถึง 2566 ใช้งบรวมไปแล้วกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท และสูญเปล่าไปกว่า 6,000 ล้านบาท จากการประกาศ "โมฆะ" พาวิเคราะห์ปัจจัยเบื้องหลังงบเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้น?
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา งบประมาณในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปของไทยพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยใช้งบเลือกตั้งรวมสะสมไปแล้วกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ท่ามกลางบริบททางการเมืองที่ผันผวน ทั้งการเลือกตั้งที่เป็นโมฆะและการรัฐประหาร
ซึ่งหากเรามองย้อนกลับดูข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สะท้อนให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าสนใจทั้งในแง่ของตัวเลขและผลลัพธ์ทางการเมือง ต้นทุนของประชาธิปไตยไทยไม่เคย "ราคาถูก" ลงเลย
การเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 6 มกราคม 2544 เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญหลังรัฐธรรมนูญ 2540 ที่ โดยมี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาจัดการเลือกตั้งเป็นครั้งแรก และมีการเปลี่ยนแปลงหน่วยเลือกตั้งที่เน้นการกระจายตัวมากขึ้นตามเขตเลือกตั้งใหม่ และการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อและแบบแบ่งเขต เพื่อให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง
เป็นที่น่าสังเกตว่าการเลือกตั้งที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เป็น "โมฆะ" หรือถูกขัดขวางจนไม่สามารถสรุปผลได้ 2 ครั้ง ทำให้เราสูญเสียภาษีไปเปล่าๆ รวมกว่า 6,044 ล้านบาท
และการเลือกตั้งปี 2566 ที่ใช้งบประมาณสูงที่สุด แต่ความผันผวนทางการเมืองก็มากสุดเช่นกัน ประเทศไทยมี "นายกรัฐมนตรีถึง 3 คน" คำถามคือ งบที่จ่ายไป ตอบโจทย์ "เสถียรภาพการเมือง" และ "ประชาธิปไตย" ที่เราต้องการจริงหรือไม่?
ตัวเลขงบประมาณเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากแค่ค่าผลิต "บัตรเลือกตั้ง" หรือ "หีบพลาสติก" แต่สะท้อนถึงกลไกที่ซับซ้อนขึ้น เช่น ปัจจัยอย่างจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น การบริหารจัดการหน่วยเลือกตั้งกว่า 90,000 แห่งทั่วประเทศ และการใช้เทคโนโลยีเพื่อป้องกันการทุจริต ล้วนเป็นคือต้นทุนสำคัญที่ทำให้ "ราคาต่อหัว" ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งสูงขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้
หากย้อนไปในปี พ.ศ. 2500 การเลือกตั้งที่เป็นการแข่งขันกัน 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคเสรีมนังคศิลากับพรรคประชาธิปัตย์ ถูกจารึกว่า "สกปรกที่สุดในประวัติศาสตร์" ด้วยวิธีการโกงสารพัดรูปแบบ ตั้งแต่พลร่ม เวียนเทียนลงคะแนน ไปจนถึงพบไพ่ไฟเกลื่อนกรุง
ไพ่ไฟ หมายถึง รูปแบบการทุจริตการเลือกตั้งโดยใช้ตั้งบัตรลงคะแนนเสียงเลือกด้วยวิธีการทุจริต ด้วยการนำบัตรผี หรือบัตรปลอมลงในกล่องใส่บัตรเลือกตั้งเป็นจำนวนมาก ในช่วงจังหวะที่ไม่มีผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ในหน่วยเลือกตั้งจึงมีเพียงคณะกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งที่ดูแลและควบคุมการใช้สิทธิเลือกตั้งของประชาชน เป็นการเปิดโอกาสให้เกิดการทุจริตในลักษณะดังกล่าวได้ง่าย หรืออาศัยช่วงเวลาเปิดหีบเลือกตั้งแล้วใช้เทคนิครีบนำไพ่ไฟหย่อนในหีบให้เร็วที่สุด หรือใกล้เวลาปิดหีบเลือกตั้งและนับคะแนนในกรณีที่นับคะแนนประจำหน่วยเลือกตั้งก็จะมีการนำไพ่ไฟเข้ามานับคะแนนร่วมด้วย
แม้ในปัจจุบันเราจะขยับมาไกลจากจุดนั้น และมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปมาแล้วถึง 26 ครั้ง (นับตั้งแต่ปี 2475) แต่ความท้าทายในเชิงคุณภาพยังคงอยู่ ประวัติศาสตร์บอกเราว่า การเลือกตั้งที่ "แพง" ไม่ใช่เครื่องการันตี "ความโปร่งใส"
เมื่อมองไปข้างหน้าสู่การเลือกตั้ง 2569 ภาพของผู้นำคนปัจจุบันอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล หรือแคนดิเดตคนอื่นๆ เริ่มถูกจับตามอง พร้อมทั้งนโยบายและรวบรวมมือดีทางการเมืองเอาไว้เพื่อหวังชนะการเลือกตั้ง และคาดว่างบประมาณเลือกตั้งอาจพุ่งสูงขึ้นเกินกว่า 6,000 ล้านบาท ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจ ความท้าทายในการบริหารจัดการของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีการแข่งขันสูง
แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือ "ตัวเลข" ในงบประมาณจัดการเลือกตั้ง ประชาชนและประเทศจะได้รับอะไรตอบแทนจากเงินก้อนนั้น?
ข้อมูลอ้างอิง