ลืมเด็กไว้ในรถนักเรียน เหตุการณ์สะเทือนหัวใจคนเป็นพ่อแม่ เกิดขึ้นในสังคมอีกแล้ว ผู้ใหญ่ไม่รอบคอบ เด็กต้องเอาตัวรอดด้วย 3 วิธีเบื้องต้น เพื่อให้พ้นจากเหตุการณ์คับขันเสี่ยงอันตรายถึงชีวิต
จากข่าวเหตุการณ์สลดอีกครั้ง กรณี ลืมเด็กไว้ในรถ น้องจีฮุน วัย 7 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2 โรงเรียนดังแห่งหนึ่งใน จ.ชลบรี เป็นเวลากว่า 8 ชั่วโมงจนเสียชีวิตในรถตู้รับ-ส่งโรงเรียน ในสภาพนอนคว่ำหน้า เลือดออกปาก ตัวซีด ซึ่งรวมข่าวที่เกิดขึ้นในรอบ 11 ปีย้อนหลัง ข้อมูลจากกองการป้องกันการบาดเจ็บ กรมควบคุมโรค พบเหตุการณ์เด็กถูกลืมไว้ในรถถึง 129 ครั้ง เสียชีวิต 6 ราย ซึ่งเกิดเหตุในรถรับส่งนักเรียน ถึง 5 รายจากทั้งหมดซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการขาดความรอบคอบ โดยส่วนเหตุการณ์เศร้าในครั้งนี้ผลพิสูจน์น้องจีฮุน ออกมาพบว่า "สาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากระบบไหลเวียนโลหิตล้มเหลว ส่วนเลือดที่ปากน่าจะเกิด จากอาการฮีตสโตรก"
เพจ หมอแพมชวนอ่าน ได้โพสต์ถึงประเด็นดังกล่าว โดยอ้างอิงถึงงานวิจัยของ ผศ.นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช พบเหตุการณ์สลด ลืมเด็กไว้ในรถ พบในช่วง เมษายน ถึง สิงหาคม ของปี ตรงกับช่วงเปิดเทอมใหม่
เคสนี้แปลกมากจริงๆ เด็กไม่ใช่เด็กเล็ก สามารถเปิดล็อคได้หรือตะโกนขอความช่วยเหลือได้ กูก็สงสัยเหมือนป้าของเด็กนะมีการอำพรางหรือเปล่าวะ #โหนกระแส pic.twitter.com/D1t0n1zpcZ
— Red Skull (@RedSkullxxx) August 31, 2022
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เผยว่า ส่วนใหญ่เด็กที่ติดอยู่ในรถไม่ได้เสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ แต่เสียชีวิต เพราะความร้อนที่อยู่ในรถ โดยเวลาเพียง 5 นาที อุณหภูมิในรถจะเพิ่มสูงขึ้นจนเด็กไม่สามารถอยู่ได้ และยิ่งนานเกิน 10 นาที ร่างกายของเด็กจะแย่ลง และภายใน 30 นาทีเด็กอาจหยุดหายใจ และอวัยวะทุกอย่างหยุดทำงานจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ไม่รู้ว่าเราจะมีอีกกี่อุทาหรณ์เหตุการณ์เศร้านี้จะไม่เกิดขึ้นอีกต่อไป เพื่อเป็นการป้องกันสองทางทั้งนี้จึงฝากเป็น 5 เอาตัวรอดที่ผู้ปกครองสามารถสอนได้เองที่บ้านให้กับเด็ก มีดังนี้
ทั้งนี้ควรแนะนำด้วยว่าสถานการณ์ไหนควรหรือไม่ควรเปิดประตู หน้าต่าง
แม้จะเป็นการแก้ปัญหา ผศ.นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราช ไม่ใช่ที่ต้นเหตุแต่การสอนให้เด็กรู้จักวิธีเอาตัวรอดและมีการฝึกซ้อมลงมือปฏิบัติจริงจะช่วยให้สามารถป้องกันเหตุการณ์ไม่ได้คาดคิดได้ในกรณีฉุกเฉิน สุดท้ายแล้วคงต้องฝากเตือนให้ครูและผู้ใหญ่พึงระวังไว้เสมอและไม่ประมาทใช้เวลาตรวจตราเช็กให้ถี่ถ้วนเพิ่มอีกไม่กี่นาทีก็ช่วยให้เด็กปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับแนวทางแก้ไขที่ผศ.นพ.เทอดพงศ์ ทองศรีราชได้นำเสนอไว้ ประกอบด้วย
ทั้งนี้ยังเพื่อเป็นการตรวจเช็กให้รอบคอบอีกครั้งเมื่อพบด็กไม่เข้าเรียนตามปกติ ในเวลาเช้าเช็กชื่อครูควรโทรติดตามกับผู้ปกครอง ถึงแม้จะไม่ได้เกิดเหตุการณ์ติดในรถตู้ก็เป็นการติดตาม ป้องกันเหตุร้ายอื่นๆ ได้อีกด้วย
ในส่วนของการดำเนินคดีในลักษณะดังกล่าว นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีศาลแขวง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก (31 ส.ค.65) ชี้แจงไว้ว่า เข้าข่ายความผิด "ประมาท ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตาม "มาตรา 291 ผู้ใดกระทำโดยประมาท และการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีและปรับไม่เกิน 200,000 บาท และยังสามารถฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง ตามกฎหมายให้ชดใช้ได้อีกต่อไป"
"ความประมาทจึงไม่ได้เกิดความสูญเสียแก่ครอบครัวเด็กที่ต้องขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของน้องเท่านั้น แต่ผู้ที่ทำประมาท จะต้องถูกดำเนินคดีอาญา และฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่งให้ชดใช้ ย่อมนำความเดือดร้อนกลับไปสู่ครอบครัวของตนเช่นกัน อาจติดคุก อาจโดนยึดบ้าน ที่อยู่อาศัย หรือทรัพย์สิน เพื่อชดใช้หนี้ในทางแพ่งต่อไปตามกฎหมาย ชีวิต ประมาทไม่ได้ มีสติ ดำเนินชีวิตด้วยความรอบคอบ
ระมัดระวัง”