svasdssvasds

วิธีสำรวจตัวเอง ตามข่าวความรุนแรง ดูแลใจตัวเอง ไม่ปล่อยไปกับความโกรธ

วิธีสำรวจตัวเอง ตามข่าวความรุนแรง ดูแลใจตัวเอง ไม่ปล่อยไปกับความโกรธ

วิธีสำรวจตัวเอง ตามข่าวรุนแรง ดูแลใจตัวเอง ไม่ปล่อยไปกับความโกรธ กรมสุขภาพจิต แนะประชาชนสำรวจตัวเอง หากมีปัญหาขัดแย้งอย่าเก็บไว้ อาจนำไปสู่การก่อเกิดเหตุความรุนแรงในสังคม วอนสื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างสร้างสรรค์ เพื่อไม่ให้เหตุรุนแรงเป็นเรื่องปกติของสังคม

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดเหตุสะเทือนขวัญในประเทศไทย ทั้งข่าวฆ่าหั่นศพหญิงสาว หรือข่าวกราดยิงหนองบัวลำภู โดยผู้ต้องสงสัยฆ่าหั่นศพหญิงสาวสารภาพว่าได้วางแผนและเลียนแบบวิธีการฆ่าหั่นศพจากภาพยนตร์ ส่วนผู้ต้องสงสัยข่าวกราดยิงหนองบัวลำภู มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาเป็นระยะเวลานาน ทำให้มีอารมณ์ฉุนเฉียว แปรปรวน

กรมสุขภาพจิต ชี้หากมีปัญหาขัดแย้งอย่าเก็บไว้ เพราะอาจนำไปสู่การก่อเกิดเหตุ ความรุนแรง พร้อมวอนสื่อนำเสนอข่าวด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เรื่องความรุนแรงที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องปกติของสังคม

แพทย์หญิงอัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึง ประเด็นดังกล่าวสร้างความกังวลให้กับสังคมว่าจะเกิดกรณีเลียนแบบเช่นนี้อีก ซึ่งในความเป็นจริงเรื่องนี้ต้องอาศัยกลไกทางกฎหมายร่วมกับการตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์หาสาเหตุเบื้องลึกในการก่อเหตุ แต่ถ้าหากผลวิเคราะห์เบื้องต้นพบว่า ผู้ก่อเหตุระบุว่าเลียนแบบจากหนังหรืออื่นๆ และผ่านการวางแผนมาแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงจิตใจที่โหดร้ายของผู้กระทำ ซึ่งอาจจะมีรายอื่นๆ ที่ซ่อนอยู่ในสังคมก็อาจจะเกิดการเลียนแบบได้ทันที หากสิ่งที่ชี้นำสอดคล้องกับความประสงค์ของตนเอง แต่การเลียนแบบจะค่อยๆ สะสมในสิ่งที่ตรงกับจิตใต้สำนึกของตัวเอง

ฉะนั้นสิ่งที่จะขอให้ประชาชนที่กำลังประสบปัญหาความโกรธ เคือง โมโห หรือเจ็บแค้น อย่ารอให้ตัวเองเริ่มรู้สึกไม่ไหวแล้วค่อยแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง แต่ขอให้ค่อยๆ ดูแลใจตนเองด้วยวิธีที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดพื้นฐานทางจิตใจที่ผลักดันให้เกิดการกระทำความรุนแรง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

แพทย์หญิงอัมพร กล่าวต่ออีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นเครื่องเตือนใจในการนำเสนอของสื่อ ภาพยนตร์ หรือ
สื่ออื่นๆ ที่ติดกับความรุนแรงและนำเสนออย่างละเอียด ต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง หากนำเสนอความรุนแรงออกมามากเท่าไหร่ 
ยิ่งทำให้เกิดความเคยชินกับสิ่งที่เห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น ดังนั้นการนำเสนอควรสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นกับครอบครัว ผู้ก่อเหตุและสังคม ในขณะเดียวกัน การนำเสนอความรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำอีก หากคนที่เลือกเสพมีอารมณ์ด้านลบอยู่แล้ว ปรารถนาความรุนแรง ก็จะเท่ากับเป็นการเติมเชื้อความรุนแรงในใจเขามากขึ้นซึ่งเป็นวงจรที่เลวร้าย ดังนั้นสังคมควรช่วยกันมองในกลไกของสื่อและประชาชนก็สามารถร่วมเป็นสื่อได้เองด้วย อาจทำให้ความก้าวร้าวเป็นบรรทัดฐานของสังคมที่ไม่ดีและที่สำคัญทุกคนต้องสำรวจตัวเองไม่ปล่อยใจหรือเป็นส่วนหนึ่งในการเติมความรุนแรงในสังคม เมื่อถามถึงบทบาทของกรมสุขภาพจิตในเหตุการณ์ดังกล่าวในการป้องกันการเลียนแบบ กรมสุขภาพจิตมีกลไกลคัดกรองปัญหาความก้าวร้าวรุนแรงให้คนในชุมชน คอยสังเกต เฝ้าระวัง สัญญาณเตือนในชุมชนนั้นๆ ซึ่งสังคมชนบททำได้ง่ายกว่าเพราะมีกลไก อาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) ไปจนถึงกลไกผู้ป่วยจิตเวชเรื้อรังกลุ่มเสี่ยงที่มีความเสี่ยงสูงต่อการก่อความรุนแรง (Serious Mental Illness with high risk to Violence : SMI-V) 

ฝากถึงทุกคนที่เริ่มเกิดปัญหาความขัดแย้ง อย่ารีรอ ควรรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ หรือหาทางออกที่สร้างสรรค์

ทั้งนี้กรณีที่คนกระทำความรุนแรงมักอ้างว่าตนเองเจ็บป่วยทางจิตนั้น ไม่สามารถนำมาเป็นข้ออ้างในการกระทำความรุนแรง แต่ถ้าหากเป็นผู้ป่วยจิตเวชก่อเหตุความรุนแรงขึ้นก็ต้องรับโทษทางกฎหมายและต้องได้รับการบำบัดรักษาควบคู่กัน ดังนั้นจึงไม่สามารถเอาความเจ็บป่วยทางจิตเป็นข้ออ้างในการก่อความรุนแรง จากที่ผ่านมาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแล้วรอดชีวิต อาจเกิดบาดแผลทางใจ เกิดความแค้น ความเจ็บปวดซึ่งอาจบ่มเพาะความรุนแรงและอาจก่อความรุนแรงในอนาคตได้ หากผู้ที่ต้องการเยียวยาจิตใจเข้าไม่ถึงบริการก็สามารถติดต่อสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อไม่ให้เกิดผลทางจิตใปสู่วิกฤตที่เลวร้ายในสังคม

related