"หมอสอง นพรัตน์" เล่าเหตุการณ์ถูกลักพาตัว-เรียกค่าไถ่ที่ประเทศมาลี บอกชีวิตตอนนั้นทุกข์ทรมานมาก บางวันกินแต่ข้าวเปล่า ต้องนอนใต้ต้นไม้ พร้อมฝากเรื่องนี้ให้เป็นอุทาหรณ์ อย่าไว้ใจบริษัททัวร์
จากกรณี "หมอสอง" หรือ "นพ.นพรัตน์ รัตนวราห" หมอศัลยกรรมชื่อดัง ถูกลักพาตัวเรียกค่าไถ่นาน 25 วัน ต้องอยู่ในสภาพสุดลำบาก หลังเดินทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศบูร์กินาฟาโซและประเทศมาลี ปัจจุบันได้รับการช่วยเหลือและเดินทางกลับมาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ล่าสุดวันนี้(27ต.ค.65) หมอสอง ได้ออกมาเปิดใจ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า
"ทริปนี้ผมไปกับบริษัททัวร์ที่ถูกต้อง ซึ่งไปเป็นประจำและไว้ใจมาก เราไปมาหลายทริปแล้ว ทุกครั้งผมจะย้ำเรื่องความปลอดภัย เริ่มจากประเทศอัฟกานิสถาน 12 กันยายน 65 ตั้งใจไปทั้งหมด 9 ประเทศ ภายใน 3 สัปดาห์"
"ทริปนี้ค่อนข้างมีอุปสรรคในเรื่องเดินทาง ช่วงที่กำลังเดินทางเข้าสู่ประเทศมาลี ผมไม่สามารถระบุได้ว่าตรงไหนกันแน่ เพราะตอนนั้นเราหลับ คนทั้งหมดในรถเป็นคนประเทศบูร์กินาฟาโซ ก่อนหน้านี้ผมน้ำตาไหลทุกวัน เพราะความรู้สึกที่ได้เห็นหน้าญาติได้เห็นคน ก็ได้กลับมาใช้ชีวิตปกติ หลังจากนี้จะเดินทางไปพบจิตแพทย์ เพื่อเช็กร่างกาย"
"ย้อนไปวันที่ 28 ก.ย. 65 ตอนที่หลับอยู่แล้ว ได้ยินเสียงปืนดังมาก มีคนจ่อปืนที่เรา 5-6 คน ตอนนั้นตกใจมาก ตื่นเต้นและเหมือนในหนังเลย พอมีปืนเขาก็วิ่งเข้ามา แต่ผมฟังไม่รู้เรื่องเพราะเป็นภาษาพื้นเมืองของเค้า ไกด์ก็บอกให้เรานั่งลงคุกเข่าและเอามือประสานท้ายทอย เขาเข้ามาจับกุมและผูกตาไม่ให้เรามองเห็นและเอามือผูกเชือก หลังจากนั้นก็พยายามดันเราขึ้นรถ เก็บโทรศัพท์และทรัพย์สินของเราไปทั้งหมด ให้เราไปนั่งใต้ต้นไม้"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หมอสอง เปิดใจครั้งแรก หลังปลอดภัย จากการถูกลักพาตัวกว่า 25 วันในต่างแดน
ถึงไทยแล้ว! "หมอสอง" ลงเครื่องที่สุวรรณภูมิ ครอบครัว-เพื่อน รอรับทั้งน้ำตา
"ไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าจะเอารอไปฆ่าหรือไปทำอะไร จนกระทั่งมืด เค้าก็พาเราเดินทางไกลด้วยรถมอเตอร์ไซค์ประมาณ 3-4 คัน ตลอดเวลาผมคิดว่าถ้ามีจังหวะ ผมก็จะหนีเข้าป่าให้มันเล็ดลอดจากตรงนั้น ซึ่งตอนที่ขับรถไป ผมจำทางไม่ได้แต่รู้ว่ามันลึกมากใช้เวลา 8 ชั่วโมง เค้าพาเราไปจุดจุดหนึ่ง บริเวณรอบเป็นต้นไม้เป็นป่าและมีบ้านดิน เราก็รู้แล้วว่าถูกลักพาตัว แต่ไม่รู้ว่าจะเอาเราไปทำอะไรและเป็นคนกลุ่มไหน"
"เค้าไม่ได้กระโชกโฮกฮาก ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเรา เค้าคุยดีทุกอย่าง สำหรับคนไหนที่พูดภาษาฝรั่งเศสได้ เขาก็จะสื่อสาร ซึ่งเราก็จะใช้ภาษาอังกฤษคุยกับไกด์ ลำบากสุดๆ ผมกลัวมากเพราะไม่รู้ว่าเป็นใครและจะฆ่าเราไหม สรุปเช้าวันรุ่งขึ้นผมก็ตัดสินใจหลบหนีออกมาคนเดียว และพยายามจะหนีไปให้ไกลมากที่สุด"
"แต่พอหนีไปได้ 8 กิโลเมตร เค้าก็มาจับตัวผมได้อีกทีนึง หนีไม่รอดเพราะคนละแวกนั้นคือพวกเดียวกันหมด พอกลับไปอีกครั้ง เขาก็เอาตรวนมาใส่เท้าเราและใส่กุญแจมือในคืนแรก ตอนที่อยู่ในนั้นผมเครียดมาก มีถุงยังชีพเป็นถุงพลาสติกธรรมดา มียาดม ปลอกแขนก็คือเราต้องใส่เพราะยุงกัดเต็มแขน และส้อมที่เอาไว้กินข้าว กินข้าวเปล่า บางทีเค้าไม่มีน้ำให้กิน เราก็กินน้ำบ่อ ซึ่งมีกลิ่นน้ำมันด้วย"
"เราก็พยายามคุยกับเขาดีๆ จนกระทั่งเค้ายอมให้เราใช้โทรศัพท์ เพื่อที่จะได้ติดต่อญาติ เฟรนส์ฟรายประสานต่อ ซึ่งก็ต้องขอบคุณเขาและขอบคุณพี่ชายน้องชาย ขอบคุณคุณแม่ที่พยายามช่วยกันในการเอาตัวผมกลับขึ้นมา หลังจากที่ผมออกมา เขาก็ดูแลให้ผมบินกลับมาเมืองไทยอย่างปลอดภัย รวมถึงหน่วยงานอื่นๆ ด้วยที่เราอาจจะไม่ได้ทราบ"
"ตอนนี้ผมก็กลับมาทำงานแล้ว เริ่มลุยเข้าห้องผ่าตัดแล้ว วันนี้คืออยากมาเคลียร์เพื่อป้องกันของข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและแหล่งข่าวที่ไม่ชัดเจน ทำให้เกิดความเสียหายในเรื่องของความปลอดภัยของผมด้วย หวังว่าเรื่องราวของผมอาจเป็นอุทาหรณ์สอนใจ บางทีการไว้ใจบริษัททัวร์มากๆ อาจทำให้เราพลาดได้ การลักพาตัวในต่างแดน มันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ฉะนั้นการท่องเที่ยวให้เลือกประเทศดีๆ เพราะบางประเทศมันก็ไม่ปลอดภัยเลย เพราะช่วงนั้นมันเป็นช่วงที่ทุกข์ทรมานมากๆ"