svasdssvasds

เอลตัน จอห์น นับถอยหลังคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ สตรีมสดทั่วโลก 21 พ.ย.

เอลตัน จอห์น นับถอยหลังคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ สตรีมสดทั่วโลก 21 พ.ย.

Elton John (เอลตัน จอห์น) บอกลาอเมริกาเหนือด้วยคอนเสิร์ตสุดพิเศษ ‘Countdown to Elton Live’ นับถอยหลังสู่คอนเสิร์ตแห่งประวัติศาสตร์พร้อมกัน สตรีมทั่วโลก 21 พฤศจิกายนนี้ เฉพาะบน Disney+ Hotstar เท่านั้น

ในวันนี้เมื่อ 47 ปีก่อน การแสดงในตำนานของ Elton John (เอลตัน จอห์น) ที่สนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียม ทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลก และในเดือนหน้าเขาจะกลับมาที่สนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียมอีกครั้ง เพื่อจัดการแสดงสดครั้งสุดท้ายบนแผ่นดินของทวีปอเมริกาเหนือ ซึ่งจะสตรีมแบบสด ๆ เฉพาะบน Disney+ Hotstar ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2022 “Elton John Live: Farewell from Dodger Stadium” การแสดงสดที่หาดูได้ยาก คอนเสิร์ตที่ให้แฟน ๆ จากทั่วโลกมานั่งติดขอบเวทีเพื่อเป็นสักขีพยานของการกลับมาเยือนของ Rocket Man ณ สนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียม 

การไลฟ์สตรีมสดแห่งประวัติศาสตร์ความยาวกว่า 3 ชั่วโมง จาก Disney Branded Television ผลิตโดย Fulwell 73 Productions และ Rocket Entertainment จะพาแฟน ๆ ไปรับชม Elton John ในมุมที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เพื่อแสดงความชื่นชมและยกย่องไอค่อนแห่งยุค ที่ช่วงเวลาสำคัญในปี 1975 ที่จารึกไว้ถึงความสำเร็จระดับโลกของเขา โดยคอนเสิร์ตในครั้งนี้ จะเริ่มต้นด้วย “Countdown to Elton Live” จากสนามดอดจ์เจอร์ สเตเดียม เวลา 10.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

เอลตัน จอห์น นับถอยหลังคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ สตรีมสดทั่วโลก 21 พ.ย.

“เพื่อที่จะรับรู้ได้ถึงพลังจากแฟน ๆ ไม่ใช่แค่ในดอดจ์เจอร์สเตเดียม แต่รวมถึงจากผู้คนทั่วโลกที่ครั้งนี้รับชมไลฟ์สตรีมสด ๆ พร้อมกันจากที่บ้าน เป็นอะไรที่พิเศษมาก ๆ สำหรับผม” Elton John กล่าว “ผมตื่นเต้นที่จะได้เฉลิมฉลองค่ำคืนที่สำคัญพร้อมกันทั่วโลก ผมหวังว่าทุกคนจะสัมผัสได้ถึงพลังและความสุขของการแสดงบนเวทีที่น่าจดจำที่ดอดจ์เจอร์ เหมือนครั้งที่ผมแสดงเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน”

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Elton John Live: Farewell from Dodger Stadium” จะเป็นการเฉลิมฉลองค่ำคืนที่สำคัญแห่งประวัติศาสตร์วงการดนตรี ที่จะถ่ายทอดให้แฟน ๆ มากกว่า 50,000 ชีวิต ทั้งที่ในสนามดอดจ์เจอร์ และทั่วโลกได้รับชมกันแบบสด ๆ  ถือว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากเพื่อสัมผัสประสบการณ์ของความโด่งดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 50 ปีก่อน ไม่เพียงเท่านี้ในค่ำคืนที่แสนพิเศษแบบนี้ยังมีศิลปินชื่อก้องโลกอีกหลายคนที่ได้มารับเกียรติร่วมเวทีกับซุปเปอร์สตาร์ระดับตำนาน

เอลตัน จอห์น นับถอยหลังคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ สตรีมสดทั่วโลก 21 พ.ย.

“อิทธิพลของ Sir Elton John ที่มีต่อทั้งเพลงและวัฒนธรรมดนตรีนั้นหาอะไรมาเทียบไม่ได้เลย คอนเสิร์ตใหญ่ในครั้งนี้ ก็รับรองได้ว่าจะถูกบันทึกอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน” Ayo Davis ประธานบริหารของ Disney Branded Television ได้กล่าวไว้ “พวกเราต่างตื่นเต้นที่จะได้มอบความพิเศษ ใกล้ชิดและ ประสบการณ์จากเบื้องหลังสู่หน้าเวทีแก่ผู้ชมทั่วโลกบน Disney+ Hotstar

“การเติบโตในประเทศอังกฤษในยุค 1980 และ 90 พวกเราและคนอื่น ๆ ในรุ่นเดียวกันสามารถบอกเล่าได้ไม่รู้จบ ถึงช่วงเวลาที่บทเพลงของ Elton John เป็นเสมือนเพลงประกอบเรื่องราวในชีวิตของพวกเรา”  เกบบ์ เทอร์เนอร์และเบ็น วิลสัน จาก Fulwell 73 Productions กล่าว  “การได้ร่วมงานกับทั้ง Elton John และ ดิสนีย์ในการสร้างสรรค์ปรากฏการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นไฮไลต์สำคัญทั้งของพวกเราส่วนตัวและการทำงานครับ” 

Elton John Live: Farewell from Dodger Stadium” ค่ำคืนที่น่าประทับใจนี้จะเป็นการอุ่นเครื่องของสารคดีออริจินัลจากดิสนีย์ “Goodbye Yellow Brick Road: The Final Elton John Performances and the Years That Made His Legend,” ผลงานโดย อาร์เจ คัตเลอร์ และ ผู้กำกับภาพยนตร์ เดวิด เฟอร์นิช  “Goodbye Yellow Brick Road” ซึ่งถือเป็นเนื้อหาของเขาอย่างเป็นทางการ จะนำเสนอฟุตเทจการซ้อมและคอนเสิร์ตต่าง ๆ รวมไปถึงบทสัมภาษณ์และข้อมูลส่วนตัวมากมาย ตลอดช่วงเวลากว่า 50 ปีในวงการของเขา ที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน   สารคดีออริจินัลนี้ยังบอกเล่าเรื่องราวการเดินทางของเขาในช่วงสุดท้ายก่อนเกษียณ รวมทั้งช่วงระหว่างปี 1970 และ 1975 ที่เขาได้วางขายทั้งสิ้น 10 อัลบั้ม โดย 7 อัลบั้มขึ้นชาร์ตอันดับ 1 บนบิลบอร์ดอีกด้วย สารคดีชุดนี้จะเข้าฉายในโรงภาพยนตร์และเทศกาลภาพยนตร์ต่าง ๆ ก่อนจะสตรีมให้ชมกันบน Disney+ Hotstar ต่อไป 

เอลตัน จอห์น นับถอยหลังคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ สตรีมสดทั่วโลก 21 พ.ย. Elton John (เอลตัน จอห์น) ประสบความสำเร็จในอาชีพนักดนตรีทั้งในแง่ความหลากหลายและความเป็นอมตะอย่างไม่มีใครเทียบได้จนถึงปัจจุบัน เขาเป็นหนึ่งในศิลปินเดี่ยวที่มียอดขายสูงสุดตลอดกาล แม้ว่าจะนับจากชาร์ตเพลงในสหราชอาณาจักรและสหรัฐอเมริกาเพียงแค่สองที่ เพลงของเขาได้รับการรับรองยอดขายระดับ 1 ไดมอนด์ 32 แพลตินัม หรือมัลติแพลตินัม รวมถึงอัลบั้มระดับโกลด์ถึง 21 อัลบั้ม และเพลงฮิตที่ทะยานขึ้นชาร์ต Top 40 hits มากกว่า 70 เพลง โดยเพลงของ Elton ทำยอดขายได้มากกว่า 300 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก 

Elton John (เอลตัน จอห์น) ภาพจาก IG Eltonjohn

Elton เป็นเจ้าของซิงเกิลที่ขายดีที่สุดตลอดกาลอย่าง “Candle in the Wind 1997” ซึ่งทำยอดขายได้มากกว่า 33 ล้านก็อปปี้ ในปี 2017 'Diamonds' อัลบั้ม the Ultimate Greatest Hits กลายเป็นอัลบั้มลำดับที่ 40 ของเขาที่สามารถไต่ชาร์ต UK Top 40 ของสหราชอาณาจักร โดยรั้งตำแหน่งท็อป 75 เป็นระยะเวลายาวนานกว่า 200 สัปดาห์ติดต่อกัน โดยในช่วงมากกว่า 110 สัปดาห์ เพลงของเขาทะยานสู่อันดับท็อป 20 และทำสถิติยอดขายทะลุหนึ่งล้านอัลบั้มในชาร์ตเพลงของสหราชอาณาจักรในเดือนสิงหาคม ปี 2022 การปล่อยอัลบั้มดังกล่าวถือเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปี ของการทำงานแต่งเพลงร่วมกันระหว่างเขากับ Bernie Taupin

เอลตัน จอห์น นับถอยหลังคอนเสิร์ตประวัติศาสตร์ สตรีมสดทั่วโลก 21 พ.ย.

Elton ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นศิลปินเดี่ยวชายที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของชาร์ต Billboard Hot 100 เมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2018 ในปัจจุบัน เพลงของเขามากกว่า 70 เพลงเคยขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 มาแล้ว ซึ่งรวมถึงเพลงฮิตที่ครองอันดับที่หนึ่งจำนวน 9 เพลง และ 28 เพลงที่ติดอันดับท็อปเท็น อัลบั้ม 'The Lockdown Sessions' ซึ่งเกิดจากความร่วมมือกับศิลปินคนอื่น ๆ ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19 วางจำหน่ายในเดือนตุลาคม ปี 2021 และทะยานขึ้นสู่อันดับ 1 ในชาร์ตต่าง ๆ ทั่วสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังกลายเป็นอัลบั้มลำดับที่ 8 ของเขาที่ได้อันดับหนึ่งในสหราชอาณาจักร

โดยซิงเกิลหลัก “Cold Heart (PNAU Remix)” กับ ดูอา ลิปา ได้กลายเป็นเพลงฮิตไปทั่วโลก โดยไต่ขึ้นอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงทั้งในสหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย ความสำเร็จนี้ทำให้เขากลายเป็นศิลปินเดี่ยวคนแรกที่มีเพลงติดชาร์ต UK Top 10 hit เป็นระยะเวลา 6 ทศวรรษติดต่อกัน เพลงล่าสุดของเขา “Hold Me Closer” ฟีเจอริงกับ Britney Spears เดบิวต์ที่อันดับที่ 1 ในชาร์ตเพลง Billboard’s Hot Dance/Electronic Songs และกลายเป็นเพลงที่ 10 ของเขาที่ทำสถิติท็อปเทนในชาร์ตนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้น เพลงดังกล่าวยังทะยานขึ้นสู่อันดับที่ 1 ในออสเตรเลียและแคนาดา อันดับที่ 3 ในสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังครองอันดับที่ 1 บน iTunes ในมากกว่า 40 ประเทศ ส่วนในสหรัฐอเมริกา Elton ครองสถิติเพลงฮิตติดท็อป 40 ของ Billboard ยาวนานที่สุดเป็นระยะเวลาถึง 50 ปี

related